“ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” ชูแคมเปญดื่มอย่างรับผิดชอบ ขานรับนโยบายรัฐ

ตามที่ภาครัฐได้มีการประกาศอนุญาตให้จำหน่ายสุรา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันนี้ (3 พ.ค. 63) เป็นวันแรก ทางกลุ่มตัวแทนธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 7 องค์กร นำโดยชมรมผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายคราฟท์เบียร์ และชมรมผู้ประกอบการร้านคราฟท์เบียร์ ได้ร่วมกันจัดตั้ง “สมาพันธ์สนับสนุนการดื่มที่บ้าน” หรือ สสบ.

โดยทางกลุ่มถือเป็นกระบอกเสียงจากคนที่เข้าใจความหวังดีของภาครัฐและเข้าใจสิทธิและเสรีภาพของผู้ดื่ม จึงต้องการสื่อสารผ่านแคมเปญ #สัญญาว่าจะอยู่บ้าน

นายอาชิระวัสส์ วรรณศรีสวัสดิ์ ตัวแทนจากชมรมผู้นำเข้าและจำหน่ายคราฟท์เบียร์ ระบุว่า วัตถุประสงค์ของสมาพันธ์สนับสนุนการดื่มที่บ้าน หรือ สสบ. คือ การรณรงค์สร้างทัศนคติในการดื่มอย่างมีสติและความรับผิดชอบ ดื่มเพื่อความสุนทรีย์มากกว่าเพื่อเมา ซึ่งเป็นการรณรงค์ที่ต่างจากที่เคยมีมาตลอด 

โดยจะชูนโยบายการดื่มที่ไม่สร้างปัญหากับสังคมหรือสร้างความเสี่ยงให้กับบุคคลอื่นในสังคม โดยแคมเปญที่ทำจะมุ่งเน้นให้กลุ่มผู้ดื่มต้องรับผิดชอบตัวเองและรับผิดชอบต่อสังคม  โดยหากผู้ดื่มให้ความร่วมมือกับแคมเปญจนส่งผลให้เห็นถึงความแตกต่างในเชิงสถิติแบบวัดผลได้แล้ว ก็เชื่อว่าจะสามารถสร้างความเชื่อใจและการให้เกียรติ รวมถึงการเคารพสิทธิซึ่งกันและกันต่อกลุ่มคนที่คิดต่าง หรือคนที่ต่อต้านการดื่มได้

ทางกลุ่มคาดหวังว่าอยากให้สังคมรับรู้การมีอยู่ของกลุ่มคนดื่มที่ไม่ได้ก่อปัญหาให้สังคม ซึ่งที่ผ่านมาแม้จะถูกตราหน้าเหมารวมว่าเป็นคนบาปแต่ก็อยากให้ทุกคนให้เกียรติกันและมองถึงสิทธิและเสรีภาพเฉพาะบุคคล เพราะในขณะเดียวกันหากมองในแง่เศรษฐกิจ ภาครัฐก็ได้เงินนำส่งภาษีจากภาคธุรกิจนี้ไปปีละกว่าหลายแสนล้านบาท

ในฝั่งตัวเลขของผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มร้านอาหารกึ่งผับ บาร์ พบว่ามีการกลับมาเปิดอย่างไม่เต็มรูปแบบ ประมาณ 45% ของร้านที่หยุดกิจการในช่วงที่ผ่านมา โดยเริ่มระบายสินค้าที่เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันนี้

นายนิติพันธุ์ ครุธทิน ตัวแทนจากชมรมผู้ประกอบการร้านคราฟท์เบียร์ กล่าวถึงตัวเลขการกลับมาเปิดกิจการ ของผู้ประกอบการร้านคราฟท์เบียร์ ว่า  จากการได้สอบถามกันเองในชมรมผู้ประกอบการร้านคราฟท์เบียร์ ที่มีสมาชิกรวมกันประมาณ 600 ร้าน จากทั่วประเทศ

พบว่ามีการกลับมาเปิดแบบเต็มรูปแบบ โดยดำเนินการตามนโยบายภาครัฐคือ ให้นั่งห่างกัน 1.5 เมตร  เสริฟอาหารของใครของมัน ไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบดื่มที่ร้าน แต่ให้ซื้อกลับบ้านได้ จำนวน 5% 

และมีการเปิดกิจการขายเฉพาะเครื่องดื่มเพื่อระบายสต็อคคงค้าง จำนวน 40% โดยยังมีอีกกว่า 55% ที่ยังรอความชัดเจนเพิ่มเติม เนื่องจากการกลับมาเปิดแต่ละครั้งมีต้นทุนสูง ทั้งการสต็อควัตถุดิบของสด หรือการจำหน่ายอาหารที่ต้องนั่งห่างกันตามที่รัฐกำหนด ซึ่งส่วนใหญ่ยังมองว่าอาจจะไม่คุ้ม จึงยังต้องวางแผนและรอดูทิศทางการกลับมาของกลุ่มลูกค้าด้วยเช่น

ทั้งนี้สมาพันธ์สนับสนุนการดื่มที่บ้าน ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการร้านอาหารกึ่งผับบาร์ ในการติดแฮชแท็ก #สัญญานะว่าจะดื่มที่บ้าน และในส่วนของภาคประชาชนได้รับความร่วมมือจากเพจนักวิจารณ์แอลกอฮอล์ต่างๆ ช่วยแชร์แฮชแท็ก #สัญญาว่าจะดื่มที่บ้าน โดยใช้กิมมิค “ยกแก้ว กระดกนิ้วก้อย” เสมือนเป็นพันธะสัญญาร่วมกันของผู้จำหน่ายและผู้บริโภค ในการจะให้ความมร่วมมือกับการทำงานของภาครัฐอย่างเต็มที่