“โออิชิ” เปิดตัวแบรนด์ซาคาเอะ เสริมทัพร้านอาหารญี่ปุ่นจับกลุ่มพรีเมี่ยม

“โออิชิ กรุ๊ป” เปิดเกมรุกตลาดร้านอาหารโค้งท้ายเต็มสูบ เปิดตัวแบรนด์ใหม่ “ซาคาเอะ” เสริมพอร์ตธุรกิจอาหารญี่ปุ่น ชูจุดขายชาบู-สุกี้วัตถุดิบนำเข้า มุ่งจับตลาดพรีเมี่ยม-กลุ่มกำลังซื้อสูง หวังขยายการเติบโตร้านอาหารในเครือ พัฒนาเมนู ส่งแคมเปญใหม่ พร้อมขยายสาขาต่อเนื่อง

นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ OISHI เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์การดำเนินงานของบริษัทมีแนวทางขยายธุรกิจร้านอาหารให้กว้างขึ้น ภายใต้กลยุทธ์การตลาดเชิงรุก ได้แก่ สปินออฟแบรนด์ (Spin-off Brands) เพื่อเพิ่มโอกาสการขายและเข้าถึงผู้บริโภคหลากหลายกลุ่ม และจากนี้จะเน้นพัฒนาและสร้างแบรนด์ร้านอาหารขึ้นมาเอง มากกว่าการซื้อธุรกิจแฟรนไชส์ เพราะง่ายสำหรับการบริหารจัดการและสามารถปรับตัวยืดหยุ่นได้ในทุก ๆ สถานการณ์ และยังคงมองว่าร้านอาหารระดับพรีเมี่ยมยังคงเติบโตได้ เนื่องจากยังมีกลุ่มผู้บริโภคที่ยังมีกำลังซื้อ พร้อมจ่ายกับอาหารที่มีคุณภาพ และรสชาติอร่อย แม้จะอยู่ในภาวะเศรษฐกิจขณะนี้จะยังชะลอตัว ถือเป็นอีกหนึ่งในกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ในเครือโออิชิ ที่ต้องการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ ผ่านการดำเนินงานเชิงรุกอย่างรอบด้าน เริ่มตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และเมนูใหม่ ๆ การสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดให้น่าสนใจ

นายไพศาลกล่าวต่อไปว่า เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคดังกล่าว ล่าสุด เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้เปิดตัวแบรนด์ซาคาเอะ (SAKAE : The Signature Taste of Shabu and Sukiyaki) ร้านอาหารญี่ปุ่นประเภทชาบู-ชาบู และสุกี้ยากี้ ระดับพรีเมี่ยม ชูจุดขายของอาหารที่มีคุณภาพ ที่นำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ อาทิ เนื้อวากิว เนื้อซาคาเอะซิกเนเจอร์ หรือเนื้อส่วนสันคอวัว ราคาเริ่มต้น 450 -1,400 บาท เจาะกลุ่มเป้าหมายกำลังซื้อสูงระดับกลาง-บน

อีกทั้งการเปิดให้บริการแบรนด์ใหม่ในครั้งนี้ จะช่วยรองรับพฤติกรรมการบริโภคของกลุ่มคนรักสุขภาพ และคนรุ่นใหม่ ในยุคนิวนอร์มอลที่ผู้คนต้องการเว้นระยะห่างด้วยบริการหม้อชาบูที่รับประทาน 1 คน ต่อ 1 หม้อ โดยตอนนี้ได้เปิดให้บริการสาขาแรกที่ชั้น 2 อาคารเดอะปาร์คไลฟ์ ถนนพระราม 4 (แยกคลองเตย) และเตรียมจะขยายสาขา 2 ต่อไป ซึ่งอยู่ระหว่างการวางแผนงาน และถือว่าแบรนด์ซาคาเอะนั้นเป็นแบรนด์ที่ 3 ที่เปิดใหม่ในปี 2563 ต่อจากแบรนด์โอโยกิร้านไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ และโออิชิ คิทเช่น ที่เป็นศูนย์รวมอาหารญี่ปุ่นส่งดีลิเวอรี่

สำหรับกลยุทธ์และทิศทางการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารในเครือโออิชิ กรุ๊ป บริษัทมุ่งสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ ทั้งการออกเมนูใหม่ แคมเปญการตลาด ควบคู่กับการขยายสาขา และรีโนเวตสาขา โดยการเปิดสาขาจะโฟกัสไปในโมเดลร้านไซซ์เล็ก เพื่อลดต้นทุน และควบคุมค่าใช้จ่ายมากขึ้น ส่วนการรีโนเวตปรับปรุงสาขาร้านอาหารในเครือได้วางแผนทำมาทุก ๆ ปี เพื่อให้ทันสมัย และตอบโจทย์การใช้งานของคนรุ่นใหม่ รวมถึงจะเพิ่มน้ำหนักไปใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อยกระดับการบริการให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้ามากขึ้น

ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่โออิชิไม่มองข้ามคือ การเข้ามาของฟู้ดอะกริเกเตอร์ หรือแอปทั้งหลายในการส่งอาหาร จึงต้องมีการพัฒนาช่องทางการสั่งซื้อออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์มของตัวเอง โออิชิดีลิเวอรี่ดอทคอม (www.oishidelivery.com) ควบคู่ไปกับร่วมมือกับผู้ให้บริการสั่งอาหาร อย่างแกร็บฟู้ด ไลน์แมน และฟู้ดแพนด้า เป็นต้น ส่งผลให้ปีที่ผ่านมาช่องทางดังกล่าวเติบโตมากกว่า 2 หลัก แต่ช่องทางร้านอาหารยังคงเป็นช่องทางหลัก

นายไพศาลกล่าวต่อว่า ปัจจุบันกลุ่มร้านอาหารญี่ปุ่น โออิชิมีความหลากหลาย ตั้งแต่ประเภทร้านอาหารบริการด่วน ร้านอาหารระดับกลาง ไปจนถึงร้านอาหารระดับบน และมีความครอบคลุมมากขึ้น ตั้งแต่ตลาดล่าง กลาง บน และสามารถตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม หลากหลายระดับ จากปัจจุบันมีแบรนด์ในเครือทั้งหมด 12 แบรนด์ จากประมาณ 270 สาขา