“เดนท์สุ” ชูวันสต็อปเซอร์วิสสู้ศึกเอเยนซี่ระอุ

“เดนท์สุ” ปรับตัวรับมือโควิด กางโรดแมประยะ 3 ปี ผนึกกำลังซินเนอร์ยีองค์กรชู “วันเดนท์สุ” ผนวกทุกสายงานบริการครบจบในที่เดียว พร้อมดึงเทคโนโลยีบูรณาการทุกกระบวนการธุรกิจ เน้นบริการ-อัพสกิลพนักงานเข้าสู้ ตั้งเป้าสร้างการเติบโตกำไรทุกสายธุรกิจ

ปฏิเสธไม่ได้ว่า โควิด-19 เป็นตัวแปรสำคัญที่เร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้แบรนด์ต่างๆ ต้องปรับกลยุทธ์มุ่งไปที่เรื่องของออนไลน์ หนึ่งในแนวทางที่เอื้อไปสู่ความสำเร็จ ทั้งการสร้างยอดขาย ตลอดจนการรับรู้แบรนด์คงหนีไม่พ้นตัวกลางอย่างบริษัท “เอเยนซี่” ผู้ให้บริการธุรกิจในแง่ต่าง ๆ ทั้งด้านกลยุทธ์ ครีเอทีฟ และมีบิ๊กดาต้ามหาศาลในกำมือ กลายเป็นข้อได้เปรียบในยุคปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วย Data Driven และแม้ช่วง 2 ปีมานี้เอเยนซี่จะเผชิญมรสุมผลกระทบโดยอ้อมจากโควิด ส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง จนแบรนด์ลดงบโฆษณา รักษากระแสเงินสด

ทำให้ในปีที่ผ่านเม็ดเงินโฆษณาหดตัวลง 14% หรือมีมูลค่าราว ๆ 106,225 ล้านบาท ก่อนจะค่อย ๆ ฟื้นตัวในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยช่วงเดือน มกราคม-เมษายน เพิ่มขึ้น +3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วโดยมูลค่าอยู่ที่ 36,162 ล้านบาท จากปัจจัยบวกการฉีดวัคซีน และแนวโน้มความกังวลของภาคธุรกิจที่ลดลง

นายวิสาส์น สิริจันทานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงาน Media Service Line กลุ่มบริษัท เดนท์สุ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราท ประเทศไทย จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัท ได้เผชิญช่วงที่ยากลำบากมาตั้งแต่ปี 2563 จึงทำให้ปีนี้มีความพร้อมรับมือมากขึ้น ด้วยจุดแข็งด้านความเร็วการให้บริการเชิงรุกแก่กลุ่มลูกค้า และการเป็นบริษัทรีเสิร์ชด้านการตลาดที่ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ที่ 30-33% ผนวกรวมกับเทคโนโลยีช่วยวิเคราะห์สื่อ ตลอดจนพฤติกรรมผู้บริโภคด้วยดาต้าที่ลึกซึ้ง และกรณีศึกษาจากหลายประเทศที่เดนท์สุมีเครือข่าย มารวบรวมข้อมูลอย่างรวดเร็วในรูปแบบย่อยง่าย ทำให้อินไซต์กลุ่มผู้บริโภคได้ตรงจุด ตลอดจนการวางแผนสื่อให้แก่แบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับแผนระยะปี 2563-2564 บริษัท ได้เปิดตัวโมเดลใหม่ทำให้บริการสอดคล้องไปกับกระแสโลก มุ่งเน้นการปรับโครงสร้างลดความซับซ้อนในการทำงานลง ผนึกกำลัง ซินเนอร์ยี 3 สายงานบริการ ได้แก่ มีเดีย, ครีเอทีฟ และสายการสร้างข้อมูล เข้าไว้ด้วยกัน เป็น ‘วันเดนท์สุ’ เพื่อให้บริการครบจบในที่เดียว หรือโซลูชันสื่อแบบองค์รวม ทั้งนี้ ในช่วง 4 เดือนแรก ผลประกอบการคาดว่าจะโตอยู่ที่ 4% เป็นผลมาจากการปรับรูปแบบเน้นบริการด้านข้อมูลที่แม่นยำ ลงลึก และรวดเร็ว โดยมีการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายโกลบอลของเราเอง รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีช่วยขมวดปริมาณงานข้อมูลในมือ โดยมี AI วัดผลประสิทธิภาพงานและช่วยในตัดสินใจร่วมกับมนุษย์ เพื่อความแม่นยำ

โดยตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไปจะเริ่มนำแพลตฟอร์มเทคโนโลยีบูรณาการใช้ในทุกกระบวนการของทั้งธุรกิจ เพื่อขับเคลื่อนสร้างความเป็นผู้นำตลาด ตลอดจนการเติบโตให้แก่พาร์ตเนอร์ ไปพร้อม ๆ กับการขยายฐานลูกค้า และทำกำไรในทุกสายธุรกิจของเดนท์สุและคาราท

นายวิสาส์นกล่าวต่อไปว่า ในสภาวะที่เม็ดเงินโฆษณาหดตัวลง การแข่งขันของเอเยนซี่ย่อมไม่ได้ขึ้นอยูู่ที่ราคา แต่ขึ้นอยู่คุณภาพ ซึ่งหมายรวมถึงความเชี่ยวชาญของบุคลากรภายในองค์กรมากกว่า ดังนั้น ทิศทางต่อจากนี้ไปคือ การเน้นนโยบายด้านบุคลากร พยายามสร้างความแตกต่างหลากหลาย ผ่านการรับพนักงานที่มีสัดส่วนผสมผสานกัน ทั้งด้านอายุ ตลอดจนเพศ เพื่อสะท้อนมุมมอง ความคิด และอินโนเวชั่นได้กว้างขึ้น ตลอดจนสร้างความเข้าใจกลุ่มผู้บริโภคที่มีความหลากหลายได้

นอกจากนี้ ยังเน้นการสร้างมูลค่าพนักงาน โดยการพัฒนาทักษะบุคลากร ผ่านการเทรนนิ่งในอคาเดมีของบริษัท ที่จะมีการจัดบุคลากรภายในและภายนอกองค์กรช่วยบรรยาย หรือสามารถอัพสกิลในหัวข้อต่าง ๆ เช่น ดิจิทัล ดาต้า เป็นต้น ผ่านเว็บไซต์ที่บริษัทจัดหาคอร์สเสริมความรู้ไว้ให้กว่า 1,000 เรื่อง พร้อมกันนี้ ยังเน้นทักษะด้านการบริการ ด้วยการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าเสมอ และทำบริการเชิงรุก เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น โดยการป้อนข้อมูลสถานการณ์แบบเรียลไทม์ ว่าควรลงเงินไปในในช่องทางใดมากกว่ากัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

“สำหรับปีนี้แม้จะยังมีโควิด แต่หากการกระจายวัคซีนมีประสิทธิภาพ คาดว่าใน 2-3 เดือนข้างหน้าทิศทางอุตสาหกรรมโฆษณาจะกลับมาอยู่ในแดนบวกได้ แต่หากมีปัจจัยใดที่เป็นผลลบมากในปี 2564 แย่สุดอาจเป็นไม่เติบโตขึ้นเลยก็เป็นไปได้” นายวิสาส์นกล่าว