ขานรับล็อกดาวน์ 5 บิ๊กเนมภาคค้าปลีก-บริการ ชง ศบค. ผ่อน 3 ระดับ

ภาพ : สำนักงานประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร

5 สมาคม “บิ๊กไฟฟ์” ภาคค้าปลีกและบริการ ยื่นจดหมายถึง ศบค. ชงแผนผ่อนปรนล็อกดาวน์ 3 ระดับ เฉพาะช่วงเวลา-บางคลัสเตอร์-เฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล พร้อมเพิ่มแผนเชิงรุกเยียวยา SME ลดภาระค่าน้ำ-ไฟ, ค่าจ้างแรงงาน และชดเชยรายได้ พยุงแรงงงานทั้งระบบกว่า 12 ล้านราย

วันที่ 25 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 5 สมาคมภาคค้าปลีกและบริการ ซึ่งประกอบไปด้วย คณะกรรมการค้าปลีกและบริการ หอการค้าไทย, สมาพันธ์ SME ไทย, สมาคมผู้ค้าปลีกไทย, สมาคมศูนย์การค้าไทย และสมาคมภัตตาคารไทย ซึ่งทั้ง 5 สมาคมมีงานจ้างงานทั้งระบบถึง 12 ล้านคน หรือคิดเป็น 34% ของ GDP ประเทศ และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจรวม 5.6 ล้านล้านบาท โดยตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา ทั้ง 5 สมาคมนี้ ได้ให้ความร่วมมือและสนับสนุนทุก ๆ มาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) เพื่อช่วยลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยได้ยกระดับมาตรการการป้องกันโควิดขั้นสูงสุดในทุกธุรกิจของเครือข่ายของสมาคมมาโดยตลอด 

ทั้งนี้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้ง 5 สมาคมจึงมีแนวคิดและข้อเสนอแนะว่า การล็อกดาวน์เพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีแผนปฏิบัติการเชิงรุกร่วมด้วย และต้องมีมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบ เช่น ช่วยค่าน้ำค่าไฟ เป็นเวลา 3 เดือน, ช่วยจ่ายค่าแรงงานที่ต้องว่างงาน และชดเชยรายได้ที่หายไป เป็นต้น ดังนั้นหากมีความจำเป็นต้องล็อกดาวน์กรุงเทพฯ และปริมณฑลเพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อ 

แต่ขณะเดียวกันก็ต้องให้ความสำคัญกับผลกระทบของระบบเศรษฐกิจทุกระดับและการจ้างงาน ทั้ง 5 สมาคม จึงขอนำเสนอแนวทางในการล็อกดาวน์เป็น 3 ระดับไปยัง ศบค. ดังนี้

1.ล็อกดาวน์เป็นช่วงเวลา โดยกำหนดการเปิด-ปิดธุรกิจเหมือนช่วงหลังสงกรานต์ปี 2564 ที่ผ่านมา พร้อมเร่งแผนการนำเข้า และฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงและเร็วที่สุด และมีมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบ 

2.ล็อกดาวน์เป็นบางคลัสเตอร์ หรือบางจุดในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก โดยจำกัดการเคลื่อนย้ายประชาชนในพื้นที่ และเร่งฉีดวัคซีนในคลัสเตอร์ให้ครบ 100% พร้อมทั้งให้การช่วยเหลือเรื่องสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน และมีมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการในคลัสเตอร์นั้น ๆ

3.ล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยงดการเคลื่อนย้ายข้ามพื้นที่และปูพรมการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงโดยเร็วที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์ถึง 14 วัน ถ้าสามารถเร่งการฉีดวัคซีนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้ 100% และยังคงต้องมีมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

อย่างไรก็ดี  5 สมาคมฯ ได้เพิ่มการสนับสนุนให้พื้นที่เพื่อเป็นจุดฉีดวัคซีน พร้อมโมเดลของระบบการทำงาน (Total Solutions) รวมทั้งเรื่องความช่วยเหลือในส่วนต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์ เตียงสนาม เครื่องอุปโภคและบริโภค เป็นต้น และยังเน้นย้ำเรื่อง “การ์ดไม่ตก” ในระดับสูงสุด โดยมีมาตรการให้พนักงานทำงานอยู่บ้าน แบบ WFH (Work from Home) เพื่อเป็นการลดการแพร่ระบาด และยังคงทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อช่วยให้ธุรกิจรายย่อย และประชาชนทั่วไป ยังคงมีรายได้และสามารถดำเนินชีวิตประจำวันบนสถานการณ์ที่ไม่ปกตินี้