ตัดผมดีลิเวอรี่อินเดีย บูม กระแสแรง-แข่งร้านเสริมสวย

MARKEt MOVE

 

ช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 รอบนี้ หลายธุรกิจทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า สถาบันการเงิน ฟิตเนส และอื่น ๆ ต่างถูกดิสรัปต์จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในช่วงการล็อกดาวน์ อย่างการหันไปใช้บริการดีลิเวอรี่ ช็อปออนไลน์

ล่าสุดที่ประเทศอินเดีย วงการธุรกิจร้านเสริมสวยและร้านตัดผม ซึ่งแม้ส่วนใหญ่จะเป็นรายย่อย แต่มีมูลค่ารวมกันกว่า 1 แสนล้านรูปี หรือประมาณ 4.4 หมื่นล้านบาท เป็นอีกธุรกิจที่กำลังถูกดิสรัปต์ จากบริการดีลิเวอรี่ ที่เข้ามาตอบโจทย์ผู้บริโภคในแดนภารตช่วงการระบาด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บรรดาผู้ประกอบการร้านเสริมสวยและร้านตัดผมในอินเดียกำลังเผชิญหน้ากับคู่แข่งใหม่ นั่นคือ บริการช่างเสริมสวย-ตัดผมดีลิเวอรี่ จากเหล่าบริษัทสตาร์ตอัพหลายแห่ง ที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดในช่วงการระบาดรุนแรงเมื่อช่วงไตรมาส 2 หลังผู้บริโภคจำนวนมากกังวลกับการระบาดจนไม่กล้ามาใช้บริการในร้าน

ส่งผลให้แม้ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดในอินเดียจะเริ่มดีขึ้น โดยมีผู้ติดเชื้อลดลงจากจุดพีกที่วันละ 4 แสนคน เหลือวันละ 5 หมื่นคน แต่ผู้ประกอบการหลายรายพบว่าจำนวนลูกค้าและรายได้ของตนฟื้นกลับมาไม่ถึงครึ่งของช่วงปกติ ทำให้ไม่สามารถแบกรับต้นทุนค่าแรงและค่าเช่าที่ได้

“มัลติ ชวนฮัน” เจ้าของร้านเสริมสวยขนาดเล็กในกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย กล่าวว่า ก่อนการระบาดนั้น ร้านจะมีรายได้ประมาณ 5 หมื่นรูปี (2.2 หมื่นบาท) ต่อเดือน แต่ขณะนี้รายได้เหลือไม่ถึง 50% ทำให้ต้องเลิกจ้างพนักงาน แต่คาดว่าจะไม่สามารถยื้อกิจการต่อไปได้นานนัก

เช่นเดียวกับ “เซด ข่าน” พนักงานร้านเสริมสวยย่านใจกลางกรุงนิวเดลีระบุว่า แม้แต่ร้านใหญ่ที่สามารถจ้างพนักงานด้วยเงินเดือน 8 หมื่นรูปีต่อเดือน (3.5 หมื่นบาท) ยังต้องปิดตัวลงเพราะไม่สามารถหมุนเงินมาจ่ายค่าเช่าสถานที่ได้

ทั้งนี้ สถานการณ์โรคระบาดไม่ใช่สาเหตุเดียวของปรากฏการณ์นี้ ยังมีการเติบโตของบริการเสริมสวย-ตัดผม แบบดีลิเวอรี่ ที่บูมขึ้นมาในช่วงเดียวกัน โดยนอกจากความสะดวกและหลากหลายตั้งแต่ตัดผม-เสริมสวย ไปจนถึงแต่งหน้า ทำทรีตเมนต์ และขายสินค้าความงามแล้ว

ผู้เล่นหน้าใหม่นี้ยังมาพร้อมกับการแข่งขันราคาแบบดุเดือดจากการตั้งราคาค่าบริการถูกกว่าหน้าร้านหลายเท่าอีกด้วย เช่น บริการทรีตเมนต์ใบหน้าปกติราคาประมาณ 2,000 รูปี แต่บริการดีลิเวอรี่คิดเพียง 600 รูปีเท่านั้น

ด้วยราคาและความสะดวกนี้ทำให้ผู้บริโภคตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงสูงวัย ไม่ได้ใช้บริการร้านเสริมสวยมานานหลายเดือน เช่น “ชาชิ ชามา” ครูวัย 51 ปี ที่กล่าวว่า หันมาใช้บริการทำผม-เสริมสวยดีลิเวอรี่ของแพลตฟอร์มเออเบิลคอมปะนีต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 2563 จนถึงปัจจุบัน เนื่องจากทั้งปลอดภัยและประหยัดเงินกว่าการไปใช้บริการที่ร้านมาก

ด้วยสถานการณ์การระบาดที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ นี้ ต้องจับตาดูว่า เทรนด์เสริมสวยดีลิเวอรี่นี้จะแพร่หลายไปยังประเทศอื่น ๆ ด้วยหรือไม่ และบรรดาผู้ประกอบการในอินเดียจะปรับตัวรับมือกันอย่างไร