สธ. เตรียมปูพรมฉีดเข็ม 3 แอสตร้าเซนเนก้า ภูเก็ตแซนด์บอกซ์ 

สธ. เผยเตรียมกระตุ้นแอสตร้าฯ เข็ม 3 ภูเก็ตแซนด์บอกซ์ 20,000 โดส ขณะที่ประชาชนทั่วไปที่ฉีดซิโนแวคครบ 2 เข็ม ทยอยฉีดบูสเตอร์โดส 3 ล้านคน เดือนหน้า ชี้ยังไม่มีการหารือยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พรุ่งนี้เตรียมหารือเงื่อนไขฉีดไฟเซอร์เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป รับเปิดเรียนในอนาคต

วันที่ 9 กันยายน 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สำหรับการประชุม ศบค. วันที่ 10 ก.ย. นี้ เตรียมพิจารณาเรื่องการผ่อนคลายมาตรการว่าสามารถทำในจุดใดได้บ้าง และการนำไฟเซอร์เข้ามา ควบคู่กับการหาข้อยุติเรื่องการฉีดไฟเซอร์ให้แก่เด็กอายุ 12 ปี 

เพราะต้องยอมรับว่าเหตุผลที่นำเข้าไฟเซอร์ ส่วนหนึ่งมาจากการฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ แต่ก็ต้องให้ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาร่วมด้วย ส่วนตัวยังไม่อยากออกความเห็น แต่ต้องการให้ฉีดให้ครบทั้งพ่อแม่ ผู้ปกครอง นักเรียนจะได้สบายใจในการเปิดเรียน เนื่องจากจะเรียนออนไลน์ต่อไปเรื่อย ๆ เป็นปี ๆ เช่นนี้ทำไม่ได้

ส่วนกรณีการเปิดประเทศยังต้องดูสถานการณ์โดยรวม ทั้งในแง่อัตราการฉีดวัคซีน อาทิ ภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเกิดการระบาดแต่ไม่พบป่วยหนักหรือเสียชีวิต

พร้อมกันนี้ ยังได้ให้นโยบายไปในที่ประชมผู้บริหาร สธ. ว่า ภูเก็ตแซนด์บอกซ์ เปรียบเสมือนสถานที่พักกักตัวของชาวต่างชาติในประเทศไทย ซึ่งต้องทำให้มีความปลอดภัยสูงสุด จึงจะมีการพิจารณาการฉีดบูสเตอร์โดสเข็มที่ 3 วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ให้แก่กลุ่มที่ต้องสัมผัสกับคนต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันวัคซีนในประเทศถือว่ามีมากพอแล้ว ต้องหาวิธีบริหารจัดการให้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างที่ทราบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพเพียง 6 เดือน ต้องเร่งฉีด ส่วนจำนวนเท่าไรนั้น ต้องให้ทางอธิบดีกรมควบคุมโรคตอบ เนื่องจากเป็นผู้ปฏิบัติงานจริง รัฐมนตรีดูแค่ในระดับนโยบายเท่านั้น

ส่วนกรณีประชาชาชนทั่วไปที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม คงต้องเริ่มทยอยฉีดเข็ม 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน คาดว่าในต้นเดือนหน้าที่มีแอสตร้าฯ เพียงพอแล้ว จะเริ่มฉีด 3 ล้านคน และในสิ้นปี 64 คิดว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะดีขึ้น

เมื่อถามถึงการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทาง สธ. จะเตรียมพร้อมอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดเรื่องนี้ แต่ สธ. พร้อมในเรื่องการรักษา ป้องกัน ส่วนการยกเลิก ทาง สธ. ยังไม่ทราบเรื่องนี้

ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับการขึ้นทะเบียนวัคซีนไฟเซอร์กับ อย. เพื่อสามารถฉีดให้กับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปทุกกลุ่ม สอดคล้องกับองค์การอนามัยโลก รวมถึง FDA ประเทศสหรัฐอเมริกา 

ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ที่ขึ้นกับคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติที่เป็นคณะหลักในการพิจารณาการให้วัคซีน ก็ให้การรับรองแล้ว 

นอกจากนั้น เราได้นำเรื่องนี้เพื่อขอความเห็นชอบจาก ศปก.สธ. ซึ่งฝ่ายวิชาการเห็นชอบแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การนำเข้า ศบค.พรุ่งนี้

ส่วนข้อแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ก็มีความแตกต่างกันในแง่ที่ระบุว่าสามารถฉีดในเด็ก 16 ปีขึ้นไป จุดนี้ สธ. ได้นำคำแนะนำมาร่วมพิจารณาร่วมไม่ได้ละเลย อย่างไรก็ตาม ในทางหลักการแม้จะฉีดไฟเซอร์ให้แก่เด็ก 12 ปี ขึ้นไปได้ แต่ในทางปฏิบัติอาจเริ่มที่กลุ่ม 16 ปีขึ้นไปก่อน

ส่วนจำนวนการฉีดเข็ม 3 ภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ส่งวัคซีนแอสตร้าเซนเนเก้าไปแล้วกว่า 2 หมื่นโดส เพื่อควบคุมการระบาดและฉีดเป็นเข็มที่ 3 เนื่องจากทางจังหวัดยังไม่ได้ทำแผนการกระจายวัคซีนมาที่กรมควบคุมโรค จึงส่งไปก่อนเบื้องต้น และเมื่อได้รับแผนก็จะส่งวัคซีนไปเพิ่มเติมตามกำหนด ก็คาดว่าคงฉีดบูสเตอร์โดสหมดทุกคน