การตลาด

โอสถสภา เสริมทัพโคอิเคยะ ชิงส่วนแบ่งตลาดขนมขบเคี้ยวในไทย

ภาพจากเว็บไซต์ koike-ya.com

โอสถสภา จับมือโคอิเคยะ (ประเทศไทย) ผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวจากญี่ปุ่น ช่วยกระจายสินค้าสู่ร้านค้าปลีกดั้งเดิมและแม็คโคร ทั่วประเทศ หวังชิงส่วนแบ่งตลาดขนมขบเคี้ยวในไทย พร้อมตั้งเป้าเติบโต30%

วันที่ 13 มกราคม 2565 นายสรายุทธ จิตจรุงพร รองกรรมการผู้จัดการสายการขาย-ประเทศไทย บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เปิดเผยว่า โอสถสภา ผู้ดำเนินธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของไทย ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัท โคอิเคยะ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวจากประเทศญี่ปุ่น ให้เป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์คารามูโจ้ และสคอร์น ดูแลการจัดจำหน่ายผ่านเครือข่ายร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม (traditional trade) และแม็คโคร โดยเริ่มมีผลตั้งแต่เมื่อต้นเดือนมกราคม ที่ผ่านมา

สำหรับ บริษัท โคอิเคยะ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทในเครือโคอิเคยะ ผู้เปิดตลาดขนมมันฝรั่งทอดกรอบในประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันมีสินค้าวางจำหน่ายในประเทศไทย ทั้งหมดสามแบรนด์ ได้แก่ คารามูโจ้ สคอร์น และสตรอง โดยทั้งสามแบรนด์เป็นขนมขบเคี้ยวยอดนิยมจากญี่ปุ่น ปรุงรสด้วยสูตรเฉพาะตัว  เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภค จนทำให้มีการพัฒนาสินค้ารูปแบบและรสชาติให้เลือกมากมายและเป็นที่นิยมในประเทศต่างๆ ทั่วโลก

ดังนั้น บริษัทฯ มองเห็นโอกาสในการสร้างการเติบโตในประเทศไทยได้อีกมาก และเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของเครือข่ายช่องทางการจำหน่ายของโอสถสภาซึ่งจะช่วยให้กระจายสินค้าได้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในทุกช่องทางมากยิ่งขึ้น และช่วยผลักดันให้บริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมาย ก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศไทย

นายโคมิเนะ สึโยชิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคอิเคยะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ด้วยเครือข่ายร้านค้าที่แข็งแกร่งทั่วประเทศ ประสบการณ์ และองค์ความรู้จากการทำงานร่วมกับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน ประกอบกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์จากประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นที่ยอมรับและชื่นชอบของผู้บริโภค ทำให้โอสถสภาและโคอิเคยะ มั่นใจว่าการจับมือทางธุรกิจในครั้งนี้จะช่วยสร้างการเติบโตได้เป็นอย่างดี โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ร้อยละ 30

อย่างไรก็ตาม การจับมือกับโคอิเคยะนั้น สอดคล้องกับแผนรุกขยายธุรกิจผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ๆ และนำศักยภาพและความเชี่ยวชาญด้านการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งมาต่อยอดให้แก่ธุรกิจ โดยผลักดันสินค้าของพันธมิตรเข้าไปยังกลุ่มผู้บริโภคผ่านเครือข่ายร้านค้ากว่า 400,000 จุดทั่วประเทศ ของโอสถสภา รวมถึงหน่วยรถจำหน่ายสินค้า และห้างค้าปลีกท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังเป็นการก้าวเข้าสู่ตลาดขนมขบเคี้ยวเป็นครั้งแรกของโอสถสภาอีกด้วย