พานาโซนิค ประเทศไทย ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ควบรวม 3 บริษัท รวมศูนย์ทรัพยากรคน-สินค้า-งบฯการตลาด เสริมเกมรุกชิงเบอร์ 1 โซลูชั่นงานโครงการรัฐ-เอกชน เตรียมประเดิมเปิดตัวโซลูชั่นสำนักงานอัจฉริยะ พร้อมวางเป้ารายได้โตเท่าตัวแตะ 2.8 หมื่นล้านในปี 2573 จากปีที่ผ่านมาที่โกย 1.4 หมื่นล้าน
นายฮิเดคาสึ อิโตะ ซีอีโอกลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทยกล่าวว่า การปรับโครงสร้างครั้งนี้จะควบรวมบริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้ากลุ่มทีวี เครื่องเสียง กล้องดิจิทัล กล้องวงจรปิด อุปกรณ์แสงสว่าง และบริษัท พานาโซนิคแมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย)
- พระราชประวัติ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ วันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- ด่วน! โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.เศรษฐา 1/1 รัฐมนตรีใหม่ 13 ตำแหน่ง
ที่เป็นสำนักงานส่วนภูมิภาคเข้ากับพานาโซนิค โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) ผู้จำหน่ายระบบระบายอากาศ สวิตช์และเต้ารับไฟฟ้า บริการติดตั้งเครื่องจักร ฯลฯ ทำให้หลังวันที่ 1 เมษายน 2565 กลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทยจะมีบริษัทขาย 5 บริษัท โรงงาน 9 บริษัท รวมเป็น 16 บริษัท จากเดิม 19 บริษัท
ทั้งนี้ เป็นไปตามแนวทางของบริษัทแม่ที่จะปรับโครงสร้างเป็นแบบบริษัทโฮลดิ้งในชื่อ พานาโซนิค โฮลดิ้ง คอร์ปอเรชั่น เพื่อให้บริษัทต่าง ๆ ในเครือสามารถปฏิบัติงานได้อย่างอิสระและเพิ่มศักยภาพความสามารถในการแข่งขัน มีผลตั้งแต่ 1 เมษายน 2565 เช่นกัน
ซีอีโอกลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทยกล่าวว่า สำหรับในประเทศไทยการควบรวมนี้เป็นการรวมศูนย์ทรัพยากรทั้งงบประมาณ บุคลากร พอร์ตโฟลิโอสินค้า ทำให้บริษัทสามารถสร้างโซลูชั่นที่หลากหลายและตอบโจทย์ลูกค้าตรงจุดได้มากขึ้น เช่น โซลูชั่นความบันเทิงในบ้าน จากการรวมสินค้าของพานาโซนิค ซิว เซลส์ และพานาโซนิค โซลูชั่นส์
อีกทั้งยังลดความซ้ำซ้อนของการดำเนินธุรกิจ ทำให้รับมือกับสภาพต้นทุนทางธุรกิจที่พุ่งสูงอยู่ในขณะนี้ได้ดีขึ้นอีกด้วย จึงช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้านโซลูชั่นสำหรับลูกค้าองค์กรทั้งกลุ่มที่อยู่อาศัย และกลุ่มที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย อย่างโรงแรม สำนักงาน โรงงาน คลังสินค้า โรงพยาบาล และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุไปจนถึงโครงการภาครัฐ
“แม้ปัจจุบันผลกระทบจากการระบาดจะทำให้ตลาดดูซบเซา แต่เชื่อว่าตลาดน่าจะเริ่มฟื้นตัวตามสถานการณ์ที่คลี่คลาย โดยกลุ่มที่อยู่อาศัยและโรงงานอุตสาหกรรมจะกลับมาเติบโต เนื่องจากมีดีมานด์สะท้อนจากผลประกอบการปีงบประมาณ 2564 (เม.ย. 64-มี.ค. 65) ซึ่งกลุ่มโรงงานของบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นสวนทางกับยอดขายสินค้าสำหรับผู้บริโภคทั่วไปที่ไม่ดีนัก”
นายฮิเดคาสึกล่าวถึงแนวทางการรุกตลาดหลังจาก 1 เมษายนนี้ว่า จะโฟกัสสร้างโซลูชั่นใน 3 แนวทาง คือ โซลูชั่นการประหยัดพลังงานตามเทรนด์สังคมปลอดคาร์บอน, โซลูชั่นเพื่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีรองรับกับสังคมผู้สูงอายุและปัญหามลพิษทางอากาศ
โซลูชั่นด้านสมาร์ทโฮมและความปลอดภัยสำหรับตอบรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปในยุค new normal โดยในตลาดกลุ่มที่อยู่อาศัยจะเน้นชู total living solution โดยอาศัยโชว์รูม “Experience Center” ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2564 นำเสนอการออกแบบและการติดตั้งโซลูชั่น อาทิ ระบบประหยัดพลังงาน ระบบควบคุมคุณภาพอากาศ โซลูชั่นเพื่อการพักผ่อนและการนอน โซลูชั่นเพื่อความบันเทิงในบ้าน เป็นต้น
ส่วนกลุ่มที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย ในปีนี้จะเปิดตัวโซลูชั่นสำนักงานอัจฉริยะที่ยืดหยุ่นตามความต้องการของลูกค้าใน 3 หมวดหลัก คือ stress-free solutions ซึ่งมี smart box หรือตู้รับพัสดุและปลดล็อกด้วยระบบบลูทูท, antivirus solutions สร้างพื้นที่ปลอดไวรัสและแบคทีเรียด้วยอุปกรณ์ เช่น เครื่องฟอกอากาศ “Ziaino” ระบบปรับอากาศ “Air-E” วัสดุต้านแบคทีเรียสำหรับปูพื้นห้อง และ energy saving solutions คลอบคลุมอุปกรณ์แสงสว่างรวมถึงเซ็นเซอร์อัตโนมัติและการบริหารจัดการด้านพลังงาน
นายฮิเดคาสึยังย้ำความมั่นใจว่า ความแข็งแกร่งจากการควบรวมนี้จะช่วยให้ปีงบประมาณ 2565 (เม.ย. 65-มี.ค. 66) รายได้ของพานาโซนิค โซลูชั่นส์ เติบโต 10% จากปีที่แล้วเป็นประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท และในระยะยาวจะทำให้บริษัทสามารถขึ้นเป็นผู้นำในฐานะ professional solution provider ของไทยได้ภายในปี 2573 พร้อมกันนี้ได้วางเป้ายอดขายปี 2573 ไว้ที่ประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 200% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2564 ที่มีรายได้ประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท