มาสด้า อินโนเวชั่นทีม จากไลน์ผลิตสู่สนามแข่ง

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ “รถแข่ง” คันเล็ก ๆ แทบไม่ได้ผ่านการโมดิฟายใด ๆ จัดเป็น “โปรดักชั่นคาร์” ทำคลอดออกจากสายพานการผลิตโรงงานออโตอัลลายแอนซ์ ระยองไม่ได้แตกต่างจากที่วางขายในท้องตลาดทะยานด้วยความเร็วทางตรงแตะ 200 กม./ชม. ทนสภาวะอากาศร้อนจากพื้นสนามกว่า 40 องศาเซลเซียสหนำซ้ำยังต้องทนแรงเค้นรอบเครื่องยนต์อันแสนหฤโหดจากนักแข่งเป็นเวลานานนับชั่วโมง ๆ

สามารถโลดแล่นในสนามแข่งได้อย่างภาคภูมิ “ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์”รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย พูดถึงแนวรุกมอเตอร์สปอร์ตของมาสด้าไว้อย่างน่าสนใจ

7 ปีแห่งการทุ่มเท

มาสด้าขึ้นสู่สนามแข่งอย่างมืออาชีพนั้น เราเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ด้วยการเข้าไปสนับสนุนมอเตอร์สปอร์ตก่อน จากรถปิกอัพ ไทยแลนด์ครอสคันทรี ตามมาด้วยการส่งซูเปอร์คอมมอนเรล รถปิกอัพ บีที-50 หลังจากนั้นก็เริ่มปรับจากรถกระบะขึ้นมาเป็นรถยนต์นั่ง โดยการส่งมาสด้า 2 เบนซิน 1,500 ซีซี

ตอนนั้นเป็นปีแรกที่เราร่วมกับทางคุณไมเคิล ฟรีแมน ทีมมาสด้า อินโนเวชั่น มอเตอร์สปอร์ตช่วยดูแลแล้วก็ขยับปรับเปลี่ยนตัวรถ จากมาสด้า 2 เครื่องยนต์เบนซิน มาเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 1,500 ซีซี ซึ่งก็เป็นครั้งแรกที่เรากล้าเอาเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ คลีนดีเซล 1,500 ซีซี เข้ามาแข่งในรายการไทยแลนด์ ซูเปอร์ซีรีส์ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ทีมมาสด้าอินโนเวชั่น มอเตอร์สปอร์ต ก็เป็นสิ่งที่เราภูมิใจว่า เราสามารถที่จะนำรถยนต์พื้นฐานของรถโปรดักชั่น เข้ามาแข่งในสนามแข่งมืออาชีพและเป็นรายการใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เห็นได้ชัดว่ามาสด้า มีดีเอ็นเอของความเป็นสายพันธุ์สปอร์ตอย่างเต็มเปี่ยมและชัดเจน จากการเข้าร่วมแข่งมาเป็นเวลากว่า 7 ปี

ยกระดับสู่เอ็นดูรานซ์

หากใครจำได้ในปี 2017 ที่ผ่านมามาสด้ามี ไมเคิล ฟรีแมน เป็นนักแข่งคู่กับ มานะ พรศิริเชิด ตอนนั้นมานะได้แชมป์ พอปี 2018 มีรถแข่งที่เข้าร่วมแข่งขันจำนวนมากขึ้น แรงมากขึ้น ทำให้เราต้องมีการปรับตัวขึ้น และในปีที่แล้ว ไมเคิลส่งไม้ต่อให้กับ จารุตม์ จรวิเศษ ซึ่งถือว่าเป็นนักแข่งหน้าใหม่ อายุเพียง 18 ปีเท่านั้น ซึ่งมาสด้ามองว่าเรื่องนี้เป็นความท้าทาย และเป็นโอกาสที่ดี

ที่ได้มอบให้กับเยาวชนได้เข้ามาร่วมแข่งและมีประสบการณ์ เนื่องจากปกติแล้วการจะได้เข้าร่วมแข่งขันรายการใหญ่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก ในเรื่องของทุนทรัพย์ และตัวแปรต่าง ๆ ซึ่งเราได้ให้โอกาสนี้แก่จารุตม์ และในปีนี้รูปแบบการแข่งขันที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่แข่งกันแบบสปรินต์เรซ ปีนี้จะเป็นการแข่งขันแบบเอ็นดูรานซ์ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ใครได้จำนวนรอบมากที่สุดเป็นผู้ชนะ โดยไมเคิลมีการวางแผนในฐานะที่เป็นผู้บริหารทีมค่อนข้างลงตัว

นักแข่งฟิตทั้งหัวใจและกำลัง

สำหรับการวางแผนการแข่ง เราแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรก คือ นักแข่ง มานะและจารุตม์มีความฟิตร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้น ซึ่งสามารถจะแข่งในระยะเวลา 1 ชั่วโมงได้สบาย ๆ

และนี่คือ สิ่งที่จะเน้นย้ำก่อนไปสู่การพัฒนารถ รถมาสด้าเป็นรถที่ออกมาจากโรงงาน ซึ่งแตกต่างจากหลาย ๆ ทีมแข่งที่เน้นการโมดิฟาย แต่ของเราเน้นเรื่องโปรดักชั่น ทำให้เห็นว่ารถยนต์ของมาสด้ามีความแข็งแรงและวิ่งได้ในระยะเวลานาน ในรุ่นโปรดักชั่น ไมเคิลแอบแชร์ข้อมูลให้ฟังว่า เครื่องยนต์ของคู่แข่ง ตัวหนึ่ง 800,000-900,000 บาท แต่ของมาสด้าอยู่ที่ 60,000 เท่านั้นเอง

รถต้องแรงใจต้องอึด

อย่างที่บอก การแข่งขันในปีที่แล้วเป็นการแข่งขันแบบสปรินต์เรซ 14 รอบใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง แต่ปีนี้ใช้เวลาในการแข่งขัน 1 ชั่วโมง และบังคับให้เข้าพิต 1 ครั้ง ในการเข้าพิต คือ การเข้ามาเปลี่ยนตัว ทีมอื่น ๆ อาจจะใช้นักแข่ง 2 คนในการแข่ง แต่ทีมเราใช้เพียง 1 คน แต่เราก็ทำตามกติกา ด้วยการลงจากรถแล้วค่อยขึ้นมาใหม่ ของเราแบ่งเป็น 2 คลาส มานะแข่งคลาส เอ ก็จะมีการบวกเวลา 15 วินาที ส่วนของน้องจารุตม์ คลาส ซี ไม่ได้บวกเวลา เข้าออกได้ทันที ปีนี้จึงถือได้ว่าเป็นข้อได้เปรียบของน้องจารุตม์ ในเรื่องการเตรียมรถ ถึงแม้จะเป็นการแข่งขันในระยะยาวที่รถต้องแรง และมีความอึด ทน รถของเราได้เปรียบเพราะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล กินน้ำมันน้อยกว่าคนอื่น ในการเติมน้ำมันก็จะได้เปรียบกว่าคู่แข่ง ในการแข่งขันห้ามเติมน้ำมันระหว่างการแข่งขัน เราอาจจะเห็นทีมอื่นน้ำมันหมด แต่ของเราสามารถวิ่งได้จนจบการแข่งขันแน่นอน

เต็มที่ทุกสนามแข่ง

ถ้าถามถึงความคาดหวัง นักแข่งทุกคนมีความคาดหวังอยู่แล้วครับ เราก็จะทำให้ดีที่สุด เพราะเป็นการแข่งขันครั้งแรกในรูปแบบเอ็นดูรานซ์ เราก็ยังไม่รู้ว่า 1 ชั่วโมง นักแข่งจะวิ่งได้กี่รอบ แต่เราจะพยายามจะอยู่หน้า ๆ ขบวนรถแข่งให้ได้มากที่สุด ส่วนน้องจารุตม์ปีนี้ขึ้นสู่ปีที่สอง ถือว่ามีประสบการณ์มากขึ้น มีการเตรียมตัว ฝึกซ้อมให้คุ้นเคยกับรถ มีการซ้อมรถในรายการต่าง ๆ เพื่อนำประสบการณ์แล้วปรับตัวเข้าหารถ

และทั้งหมดนี้คือ ความพร้อมของทีมมาสด้า อินโนเวชั่น มอเตอร์สปอร์ต ในการเข้าร่วมการแข่งขันไทยแลนด์ ซูเปอร์ซีรีส์ ซึ่งจัดขึ้นสนาม 1 สนาม 2 วันที่ 8-9 มิ.ย. ช้างเซอร์กิต บุรีรัมย์, สนาม 3 และ 4 วันที่ 28 สิงหาคม-1 กันยายน ที่บางแสน สตรีท เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี, สนาม 5 และ 6 วันที่ 27-29 กันยายน ที่สนามพีระ เซอร์กิตฯจังหวัดชลบุรี และสนาม 7 และ 8 วันที่ 25-27 ตุลาคม ที่ช้างเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์