“เมอร์เซเดส” แตกเพิ่ม 3 แบรนด์ ย้ำลดไซซ์เวทีมอเตอร์โชว์ “เล็กพริกขี้หนู”

เบนซ์ไทยแลนด์จ้องแตกแบรนด์เพิ่ม “มายบัค-อีคิว-จี คลาส” ลั่นพร้อมยกระดับการทำตลาดเทียบเท่าแบรนด์เอเอ็มจี ปัดถอดใจไม่สู้ลดเวทีงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป เหลือแค่ 1,000 ตร.ม. ย้ำรุกรบอย่างมีระบบ ไซซ์เล็กก็จริงแต่ “เล็กพริกขี้หนู”

นายโรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แผนขับเคลื่อนธุรกิจของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไทยแลนด์ จากนี้ต้องเพิ่มความเข้มข้นในการทำตลาด โดยเร็ว ๆ นี้จะแตกแบรนด์เมอร์เซเดสอีกอย่างน้อย 3 แบรนด์ ได้แก่ เมอร์เซเดส-มายบัค, เมอร์เซเดส-อีคิว(รถยนต์ไฟฟ้า) และเมอร์เซเดส-จี คลาส ซึ่งการแตกแบรนด์เพิ่มเติม นอกจากจะยกระดับความพึงพอใจแล้วยังจะช่วยขยายตลาดได้มากขึ้น

ส่วนแนวทางการรุกตลาดจะใช้มาตรฐานเดียวกับที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ประสบความสำเร็จจากแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ซึ่งใช้เวลารวดเร็วมาก แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2560 และรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปีถัดมายอดขายเติบโตขึ้นมากกว่า 300% และเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนกลยุทธ์ก็คงคล้ายกัน เริ่มตั้งแต่แต่งตั้งดีลเลอร์ขึ้นดูแลและทำตลาด ส่งโปรดักต์ใหม่เสริมตลาดอย่างต่อเนื่อง จัดกิจกรรมเพื่อให้ลูกค้าได้ใกล้ชิดและเข้าถึงแบรนด์ ร่วมทั้งการยกระดับเซอร์วิสเพื่อรองรับปริมาณรถที่มากขึ้น

“ทั้งหมดที่เราทำก็เพื่อตอบสนองความต้องการและเพิ่มระดับความพึงพอใจกับลูกค้า และมั่นใจว่าจะขยายตลาดได้อย่างรวดเร็วและประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับแบรนด์เอเอ็มจี ซึ่งตอนนี้มียอดขายทั่วโลกหลายแสนคันส่วนตลาดในบ้านเรา เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เพิ่มสูงขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเฉพาะในไตรมาส 4 ปีที่แล้วยอดขายเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เพิ่มสูงขึ้นเกือบ 40%”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการเข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์ ปลายเดือนมีนาคม 2564 นี้ ทำไมเมอร์เซเดส-เบนซ์ ถึงตัดสินใจลดขนาดเวทีจากเดิม 2-3 พัน ตร.ม. เหลือเพียงแค่ 1,000 ตร.ม. ซึ่งดูแตกต่างจากคู่แข่งมาก ประธานบริหารเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไทยแลนด์ กล่าวว่า ไม่ใช่การถอดใจหรือไม่กล้าสู้กับคู่แข่ง แต่เป็นเพราะนโยบายของบริษัทแม่ตอนนี้ชัดเจนที่ไม่เข้าร่วมกับงานแสดงรถยนต์ทั่วโลก แต่ในประเทศไทยการจัดอีเวนต์มอเตอร์โชว์แตกต่างจากที่อื่น ๆ ซึ่งมีรวมงานขายเข้าไปด้วย จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วม

และพื้นที่จัดงานที่เล็กลง บริษัทได้นำเทคโนโลยีทันสมัย สอดรับกับเทรนด์ยุคดิจิทัลเข้ามาจัดการ ภายในฮอลล์ลูกค้าสามารถโหลดแอปพลิเคชั่นแล้วสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อเข้าถึงรถยนต์ทุกรุ่น พร้อมข้อมูลทุกอย่าง ครอบคลุ่มถึงสิทธิประโยชน์ วอร์แรนตี โปรโมชั่น ราคา การเข้าถึงบริการสินเชื่อ ฯลฯ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ นอกจากนี้ ยังมีอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงถ่ายทอดข้อมูลต่าง ๆ ไปยังกลุ่มลูกค้า พร้อมทั้งกิจกรรมอีกมากมาย เรียกว่าถึงไซซ์จะเล็ก แต่ก็เล็กพริกขี้หนู

“เรายังมั่นใจว่าเราคือผู้นำตลาดพรีเมี่ยมคาร์ตัวจริง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไทยแลนด์ ถือเป็นต้นแบบของการทำตลาด ทั้งการขึ้นไลน์ผลิตในประเทศไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ในกลุ่มทั่วไป หรือรถยนต์สมรรถนะสูง” นายโฟล์เกอร์กล่าว

สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่จะเน้นทำตลาดในงาน อาทิ อี-คลาส ใหม่ 3 รุ่น ทั้งเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร E 200 d AMG Sport และเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรปลั๊ก-อิน ไฮบริด E 300 e Avantgarde และ E 300

e AMG Dynamic ราคาเริ่มต้น 3.19 ล้านบาท เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี GLA 35 4MATIC มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1,991 ซีซี เทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ ให้พละกำลังสูงสุด 306 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 3,000-4,000 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 5.1 วินาที จำหน่ายในราคา 3,190,000 บาท รวมถึงเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีแอลอี เครื่องยนต์ดีเซลปลั๊ก-อิน ไฮบริดด้วย