การกลับมาของ “โลตัส” พรีเมี่ยมสปอร์ตคาร์

เวทีรถใหม่

โลตัส คาร์ ไทยแลนด์ ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายพรีเมี่ยมสปอร์ตคาร์สัญชาติอังกฤษ ภายใต้การบริหารงานของบริษัท เวิร์นส์ ออโตโมทีฟ ประเทศไทย กลับมาระเบิดความยิ่งใหญ่พร้อมเดินเกมรุกตลาดรถยนต์เมืองไทยด้วยการนำเสนอสุดยอดนวัตกรรมรถสปอร์ตหรูสมรรถนะเยี่ยมและน้ำหนักเบา Exige Sport 350 และ Elise Sport 220 ที่สุดแห่งยนตรกรรมพรีเมี่ยมสปอร์ตคาร์ระดับโลก

ลูกค้าที่จองซื้อรถยนต์โลตัสใหม่ทุกคันจะได้รับประกัน 3 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง roadside assistance นาน 3 ปี พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษและสิทธิประโยชน์อีกมากมาย

Lotus Elise Sport 220

นำเสนอความโดดเด่นของยานยนต์ในตระกูล Elise ที่สมบูรณ์แบบ ผสานสมรรถนะการขับขี่ที่สมดุลทั้งในด้านพลัง ความคล่องตัว และฟอร์มที่สวยงามบริสุทธิ์ของสุดยอดการออกแบบ ชูนวัตกรรมแชสซีอะลูมิเนียมสุดล้ำที่มีน้ำหนักเพียง 68 กก. ร่วมกับการออกแบบอากาศพลศาสตร์ขั้นสูงเพื่อสร้างแรงกดที่สมดุลทั่วตัวรถ ทั้งยังลดแรงต้านลมและเพิ่มเสถียรภาพแม้ขับขี่ด้วยความเร็วสูง

Elise Sport 220 ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ 1.8-litre Supercharged Engine มอบกำลังเครื่อง 217 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.2 วินาที พร้อมอัตราการปล่อยไอเสียต่ำเพียง 173 กรัม/กม.

รถยนต์ในซีรีส์ Elise ทุกคันยังมาพร้อมระบบกันสะเทือน double wishbone suspension ทั้ง 4 มุม และ Lotus Dynamic Performance Management (Lotus DPM) เอกสิทธิ์ของโลตัส ซึ่งนักขับสามารถเลือกเปิดเมื่อขับขี่ในชีวิตประจำวันที่ต้องการความผ่อนคลาย หรือปิดเมื่อต้องการผสานเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถในขณะพุ่งทะยานบนจิตวิญญาณแห่งสปอร์ตคาร์ สนนราคาค่าตัว 5,390,000 บาท

Lotus Exige Sport 350

ด้วยการรังสรรค์ความเป็นที่สุดของรถสปอร์ตพรีเมี่ยมน้ำหนักเบาให้มีอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักที่สูงเป็นพิเศษ ร่วมกับแรงบิดขั้นสุดของเครื่องยนต์ 3.5-litre Supercharged V6 บวกติดตั้งส่วนปีกหลังและดิฟฟิวเซอร์เพื่อเพิ่มแรงกดและเสถียรภาพเมื่อเร่งความเร็ว ผลลัพธ์ที่ได้คือ พลังแห่งการพุ่งทะยานอันเร้าใจ ประสิทธิภาพการตอบสนองที่ฉับไว และสัมผัสการขับขี่ที่โลดแล่นเหนือจินตนาการ

Exige Sport 350 เป็นรถยนต์โลตัสรุ่นแรกที่ใช้แท่นเกียร์แบบ manual อะลูมิเนียมน้ำหนักเบา ซึ่งมอบความหรูหราสง่างาม และการเปลี่ยนเกียร์ทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ทำให้ทุกการขับขี่น่าจดจำยิ่งขึ้น พร้อมท่อไอเสียน้ำหนักเบาที่มอบเสียงกระหึ่มสุดพลังของเครื่องยนต์ V6 สนนราคาค่าตัว 9,290,000 บาท

Lotus Emira V6 First Edition

ตำนานสปอร์ตคาร์เครื่องสันดาปรุ่นสุดท้ายที่นักสะสมทั่วโลกต้องไม่พลาด Lotus Emira จะเป็นรถเครื่องยนต์สันดาปรุ่นสุดท้ายที่โลตัสประกาศผลิตจากโรงงาน Hethel ในสหราชอาณาจักร ก่อนที่แบรนด์จะเปลี่ยนมาผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในอนาคตด้วย design language และการออกแบบใหม่ที่มีหน้าตาสวยสะดุดตาเหมือนรถ supercar ขนาดเล็ก หากยังคงรักษาดีเอ็นเอในแบบฉบับโลตัสที่เน้นสัมผัสในการขับขี่ตามสโลแกน “For the drivers”

Lotus Emira รุ่น First Edition เครื่องยนต์ V6 3.5L มอบกำลัง 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร พร้อมอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.2 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุด 288 กม./ชม.

โลตัส คาร์ เปิดจอง Lotus Emira V6 First Edition ในราคาเริ่มต้น 11,900,000 บาท

สำหรับซีรีส์ Elise และ Exige ถือเป็น bread & butter ของแบรนด์โลตัสที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยการออกแบบและสมรรถนะการขับขี่ที่เหมือนกับรถแข่ง อย่างไรก็ตาม โลตัสได้ประกาศกำหนดเลิกการผลิตรถ 2 รุ่นนี้ในปี 2021 ทำให้ซีรีส์ Elise และ Exige จะกลายเป็น “The last of its kind” และทำให้รถยนต์ 2 รุ่นนี้เป็นรถสะสมในหมู่คนเล่นรถ future collectibles ในอีกไม่ช้า

โลตัสเผยกลยุทธ์ 5 ปีข้างหน้าสู่แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โลตัสกำลังเร่งพัฒนานวัตกรรมใหม่ในการผลิตไลฟ์สไตล์โมเดลที่น่าตื่นเต้นสำหรับตลาดโลก ด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าใหม่ 4 รุ่น ในอีก 5 ปีข้างหน้าเพื่อรุกตลาดรถยนต์เกรดพรีเมี่ยมอย่างเต็มตัว ได้แก่ Type 132 รถ E-Segment SUV, Type 133 รถ E-Segment 4-door Coupe, Type 134 รถ D-Segment SUV, Type 135 และ Sport Coupe

โลตัสกำลังลงทุนเปิด LOTUS TECHNOLOGY HQ แห่งใหม่ในประเทศจีน รวมถึงโรงงานผลิตรถไฟฟ้าในจีนเพื่อส่งจำหน่ายไปทั่วโลก

สำหรับรถยนต์โลตัสรุ่นต่อไปที่จะเปิดตัวในปี 2023 จะเป็นเอสยูวีรุ่นแรกของแบรนด์และเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้โค้ดเนม (Type132) โดยเอสยูวีรุ่นนี้มีเป้าหมายที่จะบุกตลาดรถพรีเมี่ยมด้วยข้อได้เปรียบด้านฐานภาษีรถไฟฟ้าที่น้อยกว่ารถเครื่องยนต์สันดาป

อีกทั้งรถยนต์ไฟฟ้าของโลตัสจะประกอบขึ้นที่โรงงานแห่งใหม่ในจีน ทำให้ภาษีอากรขาเข้าเป็น 0% ส่งผลให้การตั้งราคาขายจะสามารถดึงดูดใจผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ได้อย่างแน่นอน