“เบลฟอร์ตออโตโมบิล” ติดปีก บริษัทแม่ทุ่มขยายตลาดเอเชีย-แปซิฟิก

จี๊ป

“เบลฟอร์ตฯ” ไทยแลนด์ผงาดหลังบริษัทแม่ “Stellantis” ลั่น 10 ปีขอโตดับเบิลกวาดเม็ดเงินกว่า 10 ล้านล้านบาท โหมทุ่มงบฯปลุกตลาดกลุ่มประเทศในเอเชีย-แปซิฟิกดันสัดส่วนการขายเติบโตมากถึง 25% ดีลเลอร์รับส้มหล่นขาย “เปอโยต์” มีสิทธิ์ได้เพิ่ม “จี๊ป” อีกแบรนด์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมากลุ่มบริษัท Stellantis ซึ่งมีแบรนด์รถยนต์ในมือเกือบ 20 ยี่ห้อ อาทิ อัลฟ่า โรมิโอ, แลนเซีย, เฟียต, อบาร์ธ, เปอโยต์, ซีตรอง, ดีเอส, มาเซราติ, ไครสเลอร์, วอกซ์ฮอล, จี๊ป, โอเปิล, ดอดจ์ ฯลฯ ได้เซ็นสัญญาแต่งตั้งบริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์จี๊ปอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

เป็นแบรนด์ที่สองต่อจากแบรนด์เปอโยต์ ส่งผลให้เบลฟอร์ตฯบริษัทน้องใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2562 กลายเป็นที่รู้จักในตลาดได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ การประกาศของซีอีโอใหญ่ Stellantis “คาร์ลอส ทาวาเรส” ที่จะผลักดันรายได้ 10 ปีข้างหน้าให้เติบโตเป็นสองเท่าตัว หรือจาก 152,000 ล้านยูโรหรือ 5.49 ล้านล้านบาทในปี 2564 เป็น 300,000 ล้านยูโร หรือ 10.83 ล้านล้านบาทภายในปี 2573

พร้อมทั้งระบุชัดเจนว่าจะให้ความสำคัญกับตลาดในกลุ่มเอเชีย-แปซิฟิกให้มากยิ่งขึ้น จากเดิมที่รายได้ส่วนใหญ่มาจากทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป โดยจะพยายามใส่เม็ดเงินจำนวนหนึ่งเพื่อปลุกตลาดในเอเชีย-แปซิฟิกให้มีสัดส่วนสูงถึง 25% ส่งผลให้ประเทศไทยซึ่งมีตลาดรถยนต์ขนาดใหญ่เกือบ 1 ล้านคันต่อปี กลายเป็นเป้าหมายที่สำคัญของกลุ่มนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แม้ตลาดรถยนต์ในช่วง 1-2 ปีจากนี้จะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่จากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในมาเป็นรถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า โดยกลุ่ม Stellantis ถูกมองว่ายังไม่ค่อยมีโปรดักต์รองรับเท่าที่ควร

แต่ “คาร์ลอส ทาวาเรส” ยืนยันว่า แม้ว่าการลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าจะทำให้อัตรากำไรของบริษัทลดลงในช่วงแรกแต่ในระยะยาวเชื่อว่าจะมีกำไรมากขึ้นเรื่อย ๆและการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าคือเป้าหมายที่สำคัญ โดยระบุว่าการควบรวมกิจการมูลค่า 50,000 ล้านยูโร หรือ 1.8 ล้านล้านบาท ระหว่าง PSA และ Fiat Chrysler มาเป็นกลุ่ม Stellantis ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับบริษัทที่เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ใช้พลังงานแบตเตอรี่ที่สำคัญที่สุด

การเปลี่ยนแปลงเป็นเป้าหมายที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้บริษัทสามารถแข่งขันได้ต่อนโยบายลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ แม้ว่าราคาแบตเตอรี่ที่เพิ่มสูงขึ้นอาจผลักดันให้ราคารถสูงขึ้น แต่กลุ่ม Stellantis ก็มีช่องทางที่จะให้ลูกค้ามีโอกาสใช้รถยนต์ไฟฟ้าของทุกแบรนด์

นายคาร์ล สไมลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการอินเดียและเอเชีย-แปซิฟิก Stellantis กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นศักยภาพของเบลฟอร์ตฯซึ่งมีแบรนด์รถยนต์และกลุ่มลูกค้าในมือหลากหลายจะช่วยเพิ่มยอดขายในภูมิภาคนี้ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ผลประกอบการปี 2564 ของจี๊ปในภูมิภาคนี้มีสูงถึง 74,000 คันจากประเทศไทย, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และอินเดีย

สำหรับประเทศไทยจี๊ปเคยเข้ามาทำตลาดเมื่อ 25 ปีที่แล้ว เชื่อว่าการกลับมาครั้งนี้จะสามารถตอบสนองความต้องการแฟนพันธุ์แท้และกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ต้องการรถออฟโรดสัญชาติอเมริกัน ที่เน้นความปลอดภัยและสมรรถนะการขับขี่ที่เป็นเลิศ และทางกลุ่มยังอยู่ระหว่างศึกษาการเข้ามาตั้งโรงงานผลิตจี๊ปในภูมิภาคอาเซียน

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า การประกาศตัวบุกตลาดเอเชีย-แปซิฟิกอย่างเต็มตัวของกลุ่ม Stellantis น่าจะเป็นแรงส่งอย่างมากกับพันธมิตรอย่างเบลฟอร์ตฯ ไทยแลนด์ ประกอบกับผลงานที่ผ่านมาของเบลฟอร์ตฯ สามารถปลุกตลาดเปอโยต์ให้กลับมาโลดเล่นในตลาดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทแม่พร้อมขยายแบรนด์อื่น ๆ เพิ่มเติมในพอร์ตเบลฟอร์ตฯ

ซึ่งคนในวงการมองว่าแบรนด์ที่มีความเป็นไปได้มากสุดต่อจากจี๊ปน่าจะเป็นซีตรอง โดยประเมินว่าเปอโยต์โดดเด่นทางด้านเอสยูวี ส่วนจี๊ปหนักไปทางออฟโรด ถ้าเบลฟอร์ตฯจะขยายตลาดกลุ่มรถซีดาน แบรนด์ซีตรองก็น่าจะมีแนวโน้มสูงสุด

ปัจจุบันเปอโยต์มีโปรดักต์มากถึง 3 รุ่นทำตลาด ได้แก่ 2008 เอสยูวี, 3008 เอสยูวี และ 5008 เอสยูวี 7 ที่นั่ง สร้างความเชื่อถือด้วยบริการหลังการขาย มีโชว์รูมและศูนย์บริการ 5 แห่งใน กทม. และอีก 3 สาขาต่างจังหวัด หาดใหญ่, ภูเก็ต และอุบลราชธานี ในปี 2565 มีแผนขยายสู่จังหวัดพิษณุโลก, โคราช, ชลบุรี และเชียงใหม่ พร้อมตั้งเป้าขยายเครือข่ายครบ 25 สาขาในปี 2567

ตอนนี้มีดีลเลอร์ 2 รายที่มาช่วยขาย ในปี 2022 มีแผนจะหาพันธมิตรเพิ่มเติมเพื่อขยายสู่จังหวัดพิษณุโลก, โคราช, ชลบุรี และเชียงใหม่ พร้อมตั้งเป้าขยายเครือข่ายให้ครบ 25 สาขาในปี 2024 และเป็นไปได้ว่าดีลเลอร์เปอโยต์อาจจะได้ทำตลาดจี๊ปเพิ่มเติม

โดยสามารถใช้โชว์รูมร่วมกันเช่นเดียวกับบริษัทแม่ที่ดำเนินการอยู่ตอนนี้ ขณะที่แบรนด์จี๊ปที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งพร้อมให้บริการได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ และปีหน้ามีแผนจะเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการจี๊ปเป็น 5 แห่งกระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ