สรกล อดุลยานนท์ : เกิดน้อย-ปัญหามาก

คอลัมน์ : Market-think
ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์

เพิ่งเห็นตัวเลขโครงสร้างประชากรที่เกิดใหม่ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ
น่ากลัวมากครับ
เพราะเมื่อปี 2564 ยอดเด็กเกิดใหม่ลดเหลือ 544,570 คน
ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์
ถ้าดูกราฟยอดประชากรใหม่ในแต่ละปีจะยิ่งตกใจ
เพราะตอนปี 2557 เด็กเกิดใหม่ยังอยู่ที่ 776,370 คน
2558 ลดเหลือ 736,352 คน
2559-2560 หล่นลงอีก 704,058 คนและ 702,755 คน
พอปี 2561 เริ่มหล่นจากหลัก 700,000 คน เหลือ 666,109 คน
2562 ร่วงหนักเหลือ
618,193 คน
2563 ลงอีกเหลือ 587,368 คน
และ 2564 ต่ำที่สุด 544,570 คน
เพียงแค่ 7 ปี ยอดเด็กเกิดใหม่ลดจาก 776,370 คน เหลือ 544,570 คน
ลดลง 231,800 คน
หรือลดลงเฉลี่ยปีละ 33,114 คน
ถ้าเราดูกราฟ 30 ปีย้อนหลังจะเห็นเลยว่าหลังปี 2557 เป็นต้นมา กราฟดิ่งเหวจนน่าตกใจ
ในช่วง 30 ปีนี้มีอยู่แค่ 2 ช่วงที่กราฟดิ่งเหวแบบนี้
ครั้งแรก หลังปี 2540 ช่วงวิกฤต “ต้มยำกุ้ง” ดิ่งลง 3 ปีติดต่อกัน
และครั้งที่ 2 คือ หลังปี 2557
ปี 2557 คือ ปีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐประหาร และเป็นนายกรัฐมนตรีต่อเนื่องมาถึงวันนี้
เหมือนจะบอกว่าการมีลูกของคนไทย ขึ้นอยู่กับ “ความเชื่อมั่น”
ถ้าช่วงไหนคนวัยเจริญพันธุ์ไม่มี “ความหวัง” ในอนาคต
ไม่มีความหวัง ก็ไม่ยอมมีลูก
เศรษฐกิจไม่ดี ก็ไม่ยอมมีลูก
นอกเหนือจาก “วิธีคิด” และหลักการใช้ชีวิตของ “คนรุ่นใหม่” เปลี่ยนไปจาก “คนรุ่นเก่า”
ในมุมภาพรวมเศรษฐกิจ ตัวเลขนี้น่ากลัวมาก เพราะแสดงว่าต่อไปคนวัยทำงานของเราในอีก 17 ปีข้างหน้าจะลดต่ำลงมาก
ในขณะที่คนสูงอายุจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
โครงสร้างประชากรแบบนี้ไม่มีเสน่ห์ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติเลย
เพราะจำนวนคนวัยทำงาน หาเงินได้เองลดลง
จีดีพีก็จะลดลง
ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยวอชิงตันระบุว่า ประเทศไทยเป็น 1 ใน 23 ประเทศที่ประชากรลดลงมากที่สุด
คาดกันว่าอีก 80 ปี ประชากรไทยจะลดจาก 71 ล้านคน เหลือ 35 ล้านคน
ในขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจคงต้องประเมินเรื่องนี้ดี ๆ
ที่สะเทือนทันที คือ สินค้า หรือธุรกิจที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กอ่อน
สินค้าสำหรับทารกหรือเด็กเล็กน่าจะได้รับผลกระทบมากทีเดียว
กลุ่มเป้าหมายลดลงจากประมาณ 8 แสนคน ลดเหลือแค่ 5 แสนกว่าคน
7 ปีลดลงเกือบ 30%
หนักนะครับ
และเด็กกลุ่มนี้โตขึ้นทุกปี เหมือนคลื่นที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปเรื่อย ๆ
จากทารก เป็นเด็กเล็ก เป็นเด็กโต
เป็นวัยรุ่น และเป็นวัยทำงาน
ธุรกิจหนึ่งที่สะเทือนคือ สถาบันการศึกษา
ตอนนี้โรงเรียนอนุบาลกับประถมศึกษาเริ่มเจอปัญหาแล้ว
คิดดูสิครับ แค่ 7 ปี มีเด็กเข้าสู่ระบบการศึกษาลดลง 231,800 คน
เมื่อโรงเรียนมีนักเรียนน้อยลง กลไกการตลาดก็จะทำงาน
ต้องมีล้มหายตายจากไปอย่างแน่นอน
นักเรียนน้อยลง ครูก็ต้องลดลง
ต่อไปจะลามไปที่ระดับมัธยม และอุดมศึกษาในที่สุด
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ประเทศใหญ่ ๆ เขาเริ่มมีแคมเปญจูงใจให้คนมีลูกมากขึ้นแล้ว
ส่วนเมืองไทยนั้น ก่อนที่รัฐบาลจะมีแคมเปญอะไรออกมา
ผมว่ารัฐบาลต้องเริ่มต้นทำให้คนรุ่นใหม่มี “ความหวัง” ในอนาคตก่อน
ทำอย่างไรหรือครับ
ผมเชื่อว่า ท่านรู้
แต่จะยอมเสียสละหรือไม่เท่านั้นเอง