อุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษ

คอลัมน์คนเดินตรอก
โดย ดร.วีรพงษ์ รามางกูร

ในขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในภาคการสื่อสารและโทรคมนาคม จนทำให้ธุรกิจหลาย ๆ อย่างในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต้องล้มหายตายจากไป เช่น อุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ฉายในโรงภาพยนตร์กลายมาเป็นละครในโทรทัศน์ และจากโทรทัศน์และวิทยุที่เคยเจริญรุ่งเรืองก็เปลี่ยนไปจากจอโทรทัศน์กลายมาเป็นจอทางโทรศัพท์มือถือ เครื่องมือสื่อสารสารพัดนึกที่สามารถพกพาและเลือกเวลาชมเลือกฟังในเวลาไหนก็ได้ที่ตนสะดวก ไม่ต้องฟังหรือชมตามเวลาที่สถานีโทรทัศน์หรือสถานีวิทยุออกอากาศ

นอกจากนั้น สื่อสารมวลชนที่ใช้กระดาษ เช่น หนังสือพิมพ์รายวันรายสัปดาห์หรือรายปักษ์รายเดือน รวมทั้งหนังสืออ่านเล่น นวนิยายก็ต้องพากันเลิกกิจการ เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนไป ผู้อ่านสามารถอ่านได้จากเว็บไซต์โดยไม่ต้องพิมพ์บนกระดาษ หรือจะอ่านจากจอมือถือหรือจอคอมพิวเตอร์ก็ได้ จึงเกิดความรู้สึกว่าอุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษกำลังจะเป็นอุตสาหกรรม “อัสดงคต” sunset industry ที่กำลังจะล้มหายตายจากไป

แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษโดยส่วนรวมความต้องการของตลาดดูจะลดลง ไม่ว่าจะเป็นกระดาษหนังสือพิมพ์ กระดาษพิมพ์หนังสือชนิดต่าง ๆ จะมีแนวโน้มลดลงไปเรื่อย ๆ แต่มีกระดาษชนิดหนึ่งที่ความต้องการใช้ของตลาดยังไม่ลดลง และมีทีท่าว่าจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นก็คือ กระดาษสำเร็จรูปหรือที่เรียกว่า cut size ที่ใช้ในสำนักงาน เช่น กระดาษถ่ายสำเนา กระดาษที่พิมพ์เนื้อหาจากเว็บไซต์ จากคอมพิวเตอร์ เพราะไม่มีใครสามารถอ่านหนังสือหรือเอกสารหนา ๆ จากจอคอมพิวเตอร์ได้ตลอดเวลา หรือแม้แต่การตรวจร่างเอกสาร หรือร่างหนังสือก่อนจะขึ้นแท่นพิมพ์ ก็ต้องพิมพ์บนแผ่นกระดาษขนาดมาตรฐาน A4 เสียก่อน ทั้งนั้น

ด้วยเหตุนี้จากตัวเลขสถิติในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าความต้องการกระดาษโดยส่วนรวมจะลดลงตามลำดับ มีการปิดโรงงานเยื่อและกระดาษในประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่พัฒนาแล้วในยุโรปและอเมริกา เป็นจำนวนมากตามความต้องการโดยส่วนรวมที่ลดลง ขณะเดียวกัน ปริมาณการผลิตสินค้าชนิดนี้ก็ลดลงไปด้วย เป็นเหตุให้ราคาไม่ได้ลดลงในอัตราเดียวกันกับการลดลงของความต้องการในตลาดโลกที่ลดลง

ในขณะเดียวกัน กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในทวีปเอเชีย เช่น จีน เอเชียใต้ อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ ศรีลังกา รวมทั้งประเทศในกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ ประเทศในทวีปแอฟริกา ละตินอเมริกา ความต้องการกระดาษหนังสือพิมพ์หรือกระดาษพิมพ์หนังสือจะลดลง แต่ก็ลดลงในอัตราที่ต่ำกว่ากระดาษหนังสือพิมพ์ หนังสือวารสารและหนังสือนวนิยาย และหนังสืออ่านเล่นอื่น ๆ ตลาดเยื่อและกระดาษในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนและอินเดีย ตลาดยังคงขยายตัวอยู่แต่ขยายตัวในอัตราที่ต่ำลง ความต้องการยังไม่ถึงกับลดลง

สำหรับประเทศไทย กระดาษซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มตลาดของประเทศกำลังพัฒนา ความต้องการใช้กระดาษพิมพ์เขียนสำหรับเอกสารที่ใช้ในสำนักงาน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานราชการ หรือสำนักงานเอกชน ยังต้องใช้กระดาษพิมพ์เขียนเป็นเอกสารที่จะใช้อ้างอิงในโรงในศาลได้ยังไม่สามารถใช้เอกสาร “อิเล็กทรอนิกส์” แทนกระดาษได้ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ยังไม่ได้มีการแก้กฎให้ใช้ได้ ตำราสมุด หนังสือเรียนแม้จะมีความพยายามเลิกใช้กระดาษ ดินสอ ปากกา แต่ก็ยังเลิกได้ไม่หมด เราอาจจะยังต้องใช้ต่อไป มิฉะนั้นต่อไปคนไทยคงจะเรียนหนังสือด้วยมือไม่ได้ ดังเช่นหลาย ๆ คนสมัยนี้ต้องถือแป้นจอคอมพิวเตอร์แทนสมุดหนังสือหรือแผ่นกระดาษ แม้ว่าจะมีแนวโน้มไปทางนั้น แต่อัตราการเปลี่ยนแปลงก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า ไม่รวดเร็วอย่างที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อ 10 ปีก่อน

วัตถุดิบที่ใช้ผลิตเยื่อเพื่อนำไปผลิตเป็นกระดาษต่อไปก็คือ ไม้ ซึ่งอาจจะเป็นไม้เนื้อแข็งหรือไม้เนื้ออ่อนก็ได้ เป็นอันใช้ได้ทั้งนั้น เพียงแต่ให้เป็นไม้โตเร็วที่ผลผลิตต่อไร่สูง เพื่อจะได้มีราคาถูก อาจจะเป็นต้นกระถินเทพา หรืออาคาเซีย ต้นสะเดา หรือไม้อื่น ๆ ที่โตเร็ว แต่ได้พิสูจน์แล้วว่าต้นยูคาลิปตัส หรือ “ต้นกระดาษ” เป็นต้นไม้ที่โตเร็ว ให้ผลผลิตต่อไร่สูงและทนต่อความแห้งแล้ง สามารถปลูกได้ในที่ที่มีคุณภาพต่ำ ในเกือบทุกสภาพดินโดยเลือกใช้สายพันธุ์ที่มีหลากหลายให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ เช่น ดินปนทรายหรือดินหินลูกรังก็สามารถเติบโตได้ ขณะนี้ต้นไม้ยืนต้นชนิดนี้จึงกลายเป็นทางเลือกอีกทางเลือกหนึ่งของเกษตรกร หรือเป็นพืชยืนต้นเสริมจากการทำพืชไร่ โดยปลูกในหัวไร่ปลายนา ที่หลังบ้านหรือปลูกรอบไร่นาเพื่อเป็นกำแพงบังลม

ในขณะที่การผลิตไม้ยูคาลิปตัสเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการทำเยื่อและกระดาษ การปลูกไม้ยูคาลิปตัสเพื่อส่งออกโดยตรงในรูปของไม้ที่ใช้ในกิจการก่อสร้างและที่เป็นชิ้นไม้สับเล็ก ๆ เพื่อส่งออกเป็นวัตถุดิบในการทำเยื่อและกระดาษก็มีมากขึ้น ตลาดที่สำคัญคือ ญี่ปุ่น จีน ยุโรป มีบ้างแต่ไม่มาก เพราะไม้เป็นวัตถุดิบที่มีราคาถูกเมื่อเทียบกับน้ำหนัก ค่าขนส่งจึงมีราคาแพง สู้นำมาแปรรูปหรือฟอกเป็นเยื่อแล้วนำมาทำเป็นกระดาษไม่ได้ ทำให้น้ำหนักลดลงและได้มูลค่าเพิ่มสูงขึ้น

ในการฟอกไม้เพื่อนำมาทำเยื่อ เป็นการไล่ยางไม้ที่หุ้มเยื่อออกจากไม้ ยางไม้ที่หุ้มเยื่อมีลักษณะเหมือนกาว มีสีดำ เรียกว่า น้ำมันดำ หรือ black liquor ใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้าจากความร้อนได้ ไฟฟ้าจึงเป็นผลผลิตพลอยได้จากการผลิตเยื่อและกระดาษจากต้นกระดาษหรือยูคาลิปตัส เป็นผลผลิตพลอยได้ที่ทำรายได้ให้ไม่น้อยกว่าเยื่อและกระดาษ เพราะน้ำมันดำที่ถูกฟอกออกจากเยื่อมีน้ำหนักถึงร้อยละ 40 ของแก่นไม้ที่นำมาฟอก

เยื่อไม้ยูคาลิปตัส ซึ่งเป็นเยื่อสั้นมีความเหนียวน้อยกว่าเยื่อใยยาวที่ผลิตจากไม้เมืองหนาว เช่น ไม้สน สปรูซ ซีดาร์ เป็นต้น เหมาะสำหรับใช้ผลิตกระดาษคราฟต์หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ใช้สำหรับการผลิตกล่องบรรจุสิ่งของทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เพื่อใช้ในการขนส่งลำเลียงในทุกช่องทางการจัดส่ง ส่งถึงมือผู้บริโภคในทุกช่องทาง หรือโรงงานอุตสาหกรรมในกรณีที่เป็นวัตถุดิบ หรือเป็นชิ้นส่วนที่จะนำไปประกอบหรือผลิตต่อไป รวมทั้งบรรจุคอนเทนเนอร์เพื่อการส่งออก ในกระบวนการผลิตสามารถผสมใช้เยื่อใยสั้นประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ เพื่อลดต้นทุนโดยยังคงความเหนียวและความแข็งแรงไว้ในระดับที่ใช้การได้เท่าเดิม ซึ่งขณะนี้ความต้องการของตลาดโลกมีสูงขึ้นในอัตราที่เพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน การใช้กล่องกระดาษสำหรับใส่อาหารสำเร็จรูปเพื่อความสะดวกในการขนส่งหรือใช้ในครัวเรือน หรือร้านอาหารที่ใช้แล้วทิ้งเลย มีอัตราการใช้งานเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งกล่องกระดาษที่หุ้มด้วยกระดาษขาวที่สามารถพิมพ์เครื่องหมาย ตราและชื่อบริษัทหุ้มอยู่ภายนอกเพื่อความสวยงาม ขณะเดียวกันก็เพื่อประโยชน์ในการโฆษณาสินค้าหรือบริการ เมื่อใช้เสร็จแล้วก็ไม่ต้องทิ้งหรือขายเป็นเศษกระดาษ เพราะสามารถเก็บไว้บรรจุสิ่งของเอกสาร หรือแม้แต่เครื่องมือเครื่องใช้ในสำนักงาน โดยมีกระดาษพิมพ์ภาพสินค้า ชื่อหรือตราบริษัทหรือการโฆษณาอื่นใด สามารถตั้งวางไว้บนท้ายรถจักรยานยนต์ส่งของ เป็นการโฆษณาให้ได้รับการพบเห็นบนท้องถนนไปในตัว

ในขณะที่ความต้องการกระดาษโดยส่วนรวม โดยเฉพาะกระดาษที่ใช้พิมพ์หนังสือพิมพ์และสื่อสิ่งพิมพ์อื่น ๆ ลดลง แต่กระดาษพิมพ์สำเนาเอกสาร ในสำนักงาน เช่น รายงานการประชุม รายงานผลการดำเนินงานของบริษัทและอื่น ๆ แม้ว่าความต้องการจะลดลง ไม่เพิ่มขึ้นเหมือนในอดีตก่อนที่จะมีการเปลี่ยนเทคโนโลยีในโลกของการเขียนและการอ่านก็จริง แต่การใช้กระดาษดังกล่าวก็ยังไม่ลดลง แต่ต้นทุนการผลิตลดลงตามราคาไม้ที่ลดลงในระยะยาว ประมาณ 6-10 ปีโดยเฉลี่ยราคาไม้ ราคาเยื่อและราคากระดาษมีแนวโน้มที่จะไปในทิศทางเดียวกัน ในอัตราเดียวกัน การที่ยุโรปและอเมริกามีการยุบโรงงาน มีการเลิกผลิตเยื่อและกระดาษ เพราะความต้องการลดลง คนอ่านจากกระดาษลดลง ทำให้ราคาเข้าสู่จุดดุลยภาพ equilibrium ระยะยาวเร็วขึ้น

นอกจากนั้นมีการพัฒนาใยสิ่งทอเพื่อใช้ผลิตเสื้อผ้าและเสื้อหุ้มเกราะกันกระสุนเพื่อไม่ให้ถูกกล่าวหาว่าทำให้โลกร้อนจากการใช้ใยโพลีเอสเตอร์ ซึ่งผลิตจากน้ำมันปิโตรเลียม หรือใยจากฝ้าย ซึ่งมีราคาแพง เพราะเกษตรกรเลิกปลูกฝ้ายไปมาก เพราะต้องใช้ยาฆ่าแมลงจำนวนมาก เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม อันเป็นทางเลือกของการใช้เยื่อใยสั้นที่ผลิตจากไม้ยูคาลิปตัสอีกทางหนึ่ง

อุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษ จึงยังมีอนาคตอยู่ต่อไปอีกอย่างน้อย 20 ปี