รมว.ศธ.พูดปมนาฬิกาหรู “ถ้าผมถูกเปิดโปง เรือนแรก ก็ออกแล้ว”

แฟ้มภาพ

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์บีบีไทยรายงานว่า นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวกับนักเรียนไทยและนักธุรกิจไทยที่มาร่วมงานเลี้ยงรับรองที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงลอนดอน เมื่อวันศุกร์ที่ 9 ก.พ. ว่า ขอให้ตระหนักว่าเมื่อจบการศึกษากลับไปทำงานที่ประเทศไทยแล้ว การบังคับใช้กฎหมายของไทย และสำนึกของนักการเมืองและผู้บริหารประเทศยังต่างจากของอังกฤษ การยึดหลักนิติธรรม (rule of law) ยังไม่เกิดขึ้นจริง โดย นพ.ธีระเกียรติ ยกตัวอย่างกรณีที่ นายไมเคิล เบทส์ สมาชิกสภาขุนนางของอังกฤษ สังกัดพรรคอนุรักษนิยม ได้ประกาศลาออกจากสมาชิกสภาขุนนาง เนื่องจากรู้สึกละอายใจที่เข้าร่วมประชุมสภาสาย เมื่อปลาย ม.ค. แต่คำลาออกของเขาถูกนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรี ยับยั้ง “แต่เมืองไทย มีนาฬิกาใส่ 25 เรือน ยังไม่เป็นไร” รมว.ศธ. กล่าวติดตลก ท่ามกลางความแปลกใจของบรรดาผู้บริหารบริษัทจากไทยที่มาร่วมรับสมัครงานนักเรียนไทยในอังกฤษ

นพ.ธีระเกียรติให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทยหลังการปราศรัยว่า “ไม่มีทางที่จะเห็นนักการเมืองไทยลาออกเพราะมาสาย ไม่มีทาง เพราะมันเป็น conscience (ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี) ลึกๆ อยู่ในสายเลือด การรู้ว่าอะไรควร อะไรถูก มาสายไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิด ethic (จริยธรรม)… เมื่อไม่ได้ฝึกมาแต่เด็ก ให้หน้าบาง ยาก เมืองไทย ไม่มีทาง เมืองไทยเป็นอย่างหนาตราช้าง”

“เรื่องนาฬิกา ถ้าผมถูก exposed (เปิดโปง) เรือนแรก ผมก็ออกแล้ว อันนี้ถามผมนะ ส่วนใครจะว่าอะไร ให้ไปถามคนนั้น ของอย่างนี้ คนก็ไม่กล้าพูด กลัวอะไร ทำไม พูดแล้ว มันจะมาไล่ผมออกหรือ”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่กลัวทำให้เพื่อนร่วมคณะรัฐมนตรีเสียหน้าหรือ นพ.ธีระเกียรติ ผู้แต่งหนังสือเรื่อง “ความฉลาดทางด้านจริยธรรมและศีลธรรม (MQ)” กล่าวว่า “ไม่เกี่ยวนี่ นี่มันความเห็นของผม ไม่ใช่ความเห็น ครม. อย่างนี้แปลว่าถ้าผมอยู่ที่ไหน ผมต้องคิดตามเขาหมดเหรอ ลูกผมยังคิดไม่เหมือนผมเลย… การคิดเหมือนกันคือหลัก ‘เผ่ากู’ ซึ่งโตกว่า ‘หลักกู’ นิดเดียว”

 

ที่มา มติชนออนไลน์