“บิ๊กตู่” ปรี๊ดแตกอัดอธิบดีกรมจัดหางาน อ้างเครื่องสแกนม่านตาไม่พอ ซัดควรเสร็จตั้งแต่ชาติที่แล้ว

เวลา 11.00 น. วันที่ 5 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.พร้อมคณะเยี่ยมชมองค์การสะพานปลาสมุทรสาคร ต.มหาชัย โดยได้รับฟังบรรยายสรุปภาพรวมการดำเนินงานขององค์การสะพานปลา การดำเนินการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ จังหวัดสมุทรสาคร และตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการควบคุมการแจ้งเข้า–ออกเรือประมงพาณิชย์ ชมการสาธิตระบบฐานข้อมูลการสแกนม่านตา และระบบระบุตำแหน่งเรือประมงไทย พร้อมพบปะแรงงานประมงและประชาชนในพื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการลงพื้นที่ ที่องค์การสะพานปลาสมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ได้ทำความสะอาดและเคลียร์พื้นที่จนสะอาด ไม่มีกลิ่นของสัตว์น้ำเหมือนตามปกติ นอกจากนี้ยังได้จัดเจ้าหน้าที่ ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และข้าราชการ มาพบปะกับนายกรัฐมนตรีกว่า 100 คน โดยมีแรงงานซึ่งเป็นลูกเรือประมงจริง เพียง 25 คน นอกจากนี้ ยังได้จัดเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.112 และเรือตำรวจน้ำ คอยลาดตระเวนในแม่น้ำท่าจีนซึ่งติดกับบริเวณที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้าย และความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้าน ซึ่งก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าจะมีการลอยเรือมาชูป้ายต่อต้าน โดยเขียนคำว่า “STOP” เพื่อแสดงความไม่ยอมรับรัฐบาล คสช.และอนุญาตให้เรือที่ไม่เกี่ยวข้องใช้ร่องน้ำฝั่งตรงข้ามซึ่งอยู่ในระยะไกลเท่านั้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวระหว่างพบปะประชาชน ว่า หลายคนไม่เข้าใจว่ารัฐบาลอยู่มา 4 ปีแล้วไม่ได้อะไร แต่เราจะทำตามใจตัวเองไม่ได้ ทุกอย่างต้องเริ่มต้นให้ได้ก่อน ถึงจะมองเห็นอนาคตของเราทุกคน อยากให้พวกเรามองไกลกว่านี้อีกสักนิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายกกล่าวถึงช่วงดังกล่าวมีเด็กร้องไห้เสียงดังออกมา ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกระเซ้าว่า “เจอคนที่ไม่ชอบนายกฯแล้ว แต่ผมพูดเล่นนะ และที่มาวันนี้มีเจตนารมณ์มุ่งมั่นในการแก้ปัญหา ซึ่งไม่ใช่แค่จังหวัดเดียว แต่ทำทั้งประเทศ และถ้าเราสามารถทำให้เศรษฐกิจดีได้ทั้งประเทศเราก็จะมีรายได้มาพัฒนาประเทศ ขอร้องว่าอย่าให้ใครมาบอกว่า ถ้าเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วจะทำโน้นนี่ให้ ผมจะไม่ขายความคิดหรือขายฝันแบบนั้นเด็ดขาด ผมจะขายว่าเราจะต้องเดินหน้าประเทศอย่างมีขั้นตอนและยุทธศาสตร์ว่าอนาคตเราจะทำอย่างไร ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่การหาเงิน ถ้ายังหาได้เท่าเดิมไม่สร้างเศรษฐกิจใหม่ ไม่ทำอีอีซี หรือไอยูยู รายได้ก็คงจะลดลง หรือยังแย่อยู่”

“ถ้าประชาธิปไตยที่มองแต่สิทธิเสรีภาพ โดยไม่มีขีดจำกัด ผมถามว่าแล้วเราจะมีความสุขไหม ผมเชื่อว่าทุกคนไม่มีความสุข อย่างการเลือกตั้งกำลังจะมาถึง ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าการเลือกตั้งคือกลไกของประชาธิปไตย แต่ทุกคนต้องมีความรู้ว่าจะเลือกใครอย่างไร จะต้องเลือกคนที่มีหลักการ มีวิธีการทำงานที่ยั่งยืน อย่าไปเลือกคนอะไรที่มันสั้นๆ ให้หนี้ ให้โน้น ให้แล้วประเทศมันล่มสลาย แล้วพวกเราจะทำอย่างไร ทุกคนก็จะเดือดร้อน ทุกคนเข้าใจสิ่งที่ผมพูดหรือไม่ โดยเฉพาะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ต้องรู้ว่าประชาธิปไตยต้องเป็นแบบไหน จะเลือกตั้งเอาใครก็ได้ที่มันแจกเยอะๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ตาย ตาย ผมจะบอกให้ ถ้าวันนี้ยังทำแบบนั้นก็ต้องตายหมดทั้งประเทศ ผมจะบอกให้ ไอ้เคยได้ก็จะไม่ได้ เงินเดือนก็จะไม่มีจ่ายคน” พล.อ.ประยุทธ์

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ในการเลือกตั้งขอให้เลือกพรรคให้ดีๆ อย่างที่ให้มีการจดจัดตั้งพรรคที่ผ่านมา ซึ่งบางพรรคชื่อใช้ได้หรือไม่ เรื่องนี้ไม่ใช่ของเล่น คนที่ตั้งชื่อแบบนี้ไม่ได้มีเจตนาตั้งพรรคจริง แค่อยากเป็นข่าว ไม่ได้เรื่อง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลนี้พร้อมรับการตรวจสอบ ตนเองมีคดีติดตัว 400-500 คดี หลายคนบอกว่า ตนต้องการสืบทอดอำนาจ แต่หากคดีความต่างๆ ชี้ว่าตนผิด ตนก็จะโดนเละไปหมด อย่างไรก็ตามที่ถูกกล่าวหาโจมตี ขอให้ช่วยตนบ้าง เพราะหลายเรื่องถูกบิดเบือน วันนี้เราเดินหน้าประเทศด้วยนโยบายไทยนิยม โดยลงไปดูความต้องการประชาชน สอนประชาชนให้รู้จักกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งกำนันผู้ใหญ่บ้าน ท้องถิ่น มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน ทั้งนี้ ขอบคุณประชาชนชาวสมุทรสาครที่มาต้อนรับ ตนไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น นอกจากทำให้ทุกอย่างดีขึ้น

นายกฯ กล่าวว่า รัฐสวัสดิการเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้าเราให้มากเกินไปก็จะทำให้ประเทศล้มเหลว ระบบงบประมาณ การเงิน การคลังล้มไปทั้งหมด เช่นความล้มเหลวในอดีตที่ผ่านมา ตนต้องรับผิดชอบปัญหาจากอดีต ที่ต้องสูญเสียเงินไปกว่า 5-6 แสนล้าน ตนต้องหาเงินใช้หนี้ให้เขา ดังนั้น เราต้องอย่าให้ใครมาทำเช่นนี้อีก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ถามประชาชนว่าใครจะไปเลือกตั้งขอให้ยกมือขึ้น แต่ปรากฎว่ามีผู้ยกมือเพียงไม่กี่คน พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวว่า อย่างนั้นเลิกดีกว่า เพราะตนอยากให้ทุกคนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ถ้าไม่ไปเลือกตั้งทุกอย่างจะกลับไปเป็นแบบเดิม แต่ขอให้เลือกให้ดีพิจารณาเอาเองว่าจะเลือกใครหรือจะกาช่องไม่เลือกใครเลยก็ได้ ไม่ได้บอกให้ต้องมาเชียร์ตน สามารถเชียร์ใครก็ได้ที่วางแผนเดินหน้าประเทศทุก 5 ปี เพราะการให้แบบเดิมนั้นไม่เกิดความยั่งยืน

“ผมกลัวคนตรงกลางที่บอกว่าใครก็ได้มาเป็นรัฐบาล เพราะตัวเองไม่สนใจ ถ้าได้รัฐบาลที่ปล่อยปละละเลยในการใช้งบประมาณ ก็จะอันตรายมาก วันนี้ผมไม่ได้มาหาเสียง เพราะถ้ามาหาเสียงก็จะบอกว่าเดี๋ยวแจกของ และให้สิ่งต่างๆ ” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่งนายกฯ ได้ถามแรงงานประมง กำนันผู้ใหญ่บ้าน ว่ามีใครเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ หากเรียกรับผลประโยชน์ขอให้แจ้งมา ไม่ต้องกลัวเพราะสามารถบอกกับนายกฯได้โดยตรง และทราบว่ากำนัน ผู้ใหญ่บ้านต้องการเงินเดือนเพิ่ม ถามว่าจะเอาเงินมาจากไหน ทุกคนควรช่วยกันทำให้รัฐบาลมีเงินเพิ่มขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ รับฟังการสาธิตการใช้เครื่องสแกนม่านตาเพื่อพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวโดยนายนายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน รายงานว่า สาเหตุที่การขึ้นทะเบียนเป็นไปด้วยความล่าช้า เนื่องจากเครื่องสแกนม่านตามีจำนวนไม่เพียงพอ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงอารมณ์หงุดหงิด พร้อมทุบโต๊ะระบายอารมณ์ พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงโมโหว่า “ทำไมไม่ซื้อ ทำไม่ซื้อไม่ได้ แล้วมาบอกเครื่องมือไม่พอ ทำไมไม่ทำกัน มันควรจะเสร็จตั้งแต่ชาติที่แล้ว เสียหายกันไปเท่าไหร่ วันนี้ ต้องทำทุกวิถีทางแล้ว เหลืออย่างเดียวให้นายกฯลงมาทำเองหรือไม่ ผมไม่ได้หงุดหงิด แต่งานมันเดินหน้าไม่ได้ ถ้าไม่เสร็จภายในเดือนมิถุนายนก็จะไม่ผ่อนผันอีกแล้ว ถ้าขึ้นทะเบียนไม่ครบจับกุมอย่างเดียว”

ผู้สื่อรายงานว่า ภายหลังเดินเยี่ยมชมขั้นตอนการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวเสร็จ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวว่า “ผมอาจจะเสียงดังไปบ้าง แต่เพราะต่อสู้กับปัญหามา 3 ปีครึ่ง ขาดเหลืออะไรก็จะให้ แต่ต้องทำให้ถูกต้อง เพราะต้องแสดงเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการปัญหาแรงงานให้ได้ ถ้าไม่ช่วยกันแก้แล้วถูกชัตดาวน์ทั้งหมดจะทำอย่างไร ผมไม่ต้องการให้คนเกลียดแต่ให้เข้าใจรัฐบาลด้วย ผมเป็นกำลังใจให้ทุกคนแม้จะเหนื่อยหน่อย”

หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทักทายแรงงานต่างด้าว พร้อมกำชับว่า ให้ทุกคนช่วยกันรักษาผลประโยชน์ของประเทศ เพราะมีรายได้จากการทำประมงกว่า 2 แสนล้านบาท หากทำไม่ถูกต้องเราก็จะไปขายใครไม่ได้ รัฐบาลพยายามหามาตรกาาและกฎหมาย ไม่ได้มุ่งหวังให้ประชาชนเดือดร้อน แต่เป็นกติกาสากล ซึ่งไม่ใช่แค่เฉพาะประเทศไทยที่โดน ในอาเซียนก็โดนเรื่องนี้กันทั้งหมด ดังนั้นเราต้องทำเป็นตัวอย่างกับประเทศอื่นให้ได้

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ได้สอบถามเกี่ยวกับการติดตั้งระบบติดตามเรือว่า ได้ติดครบแล้วหรือไม่ หากตั้งใจทำให้เครื่องติดตามเสีย ต้องลงโทษให้หยุดเดินเรือ เพราะไม่ต้องการให้มีการโกง

พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า การจัดตั้งเครื่องสแกนม่านตา ตนสั่งมานานแล้ว จึงต้องกวดขันและให้เร่งดำเนินการเร็วขึ้น วันนี้ที่ตนมาเพื่อให้ต่างประเทศและไอยูยูเห็นด้วย ทั้งนี้ขอประชาชนอย่าต่อต้านรัฐบาลในการบังคับใช้กฎหมาย ต้องมาร่วมมือกันดีกว่า ซึ่งตนยอมไม่ได้หากเจ้าหน้าที่ทำงานไม่สำเร็จหรือไม่ทัน

 

ที่มา : มติชนออนไลน์