ครม. ปลดล็อกงานวิจัยขึ้นหิ้ง ไฟเขียวมหาวิทยาลัยรัฐ ร่วมลงทุนเอกชน

อาจารย์ ผลงานวิจัย ผลงานวิชาการ

ครม. เห็นชอบหลักเกณฑ์ ส่งเสริมการลงทุนรัฐร่วมเอกชน ปลดล็อกสถาบันอุดมศึกษาของรัฐบาล นำผลงานวิจัย-นวัตกรรมไปใช้ประโยชน์

วันที่ 11 กรกฎาคม 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการร่างระเบียบสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติว่าด้วยการร่วมลงทุนในโครงการซึ่งผลงานวิจัยและนวัตกรรม ไปใช้ประโยชน์ พ.ศ. …. ซึ่งสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับ การร่วมลงทุนระหว่างหน่วยงานของรัฐที่มีภารกิจและวัตถุประสงค์หรือหน้าที่และอำนาจ ร่วมลงทุนกับเอกชน เกี่ยวกับการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก

1.ระเบียบนี้ใช้บังคับแก่ (1) สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ (2) หน่วยงานของรัฐที่มีภารกิจและวัตถุประสงค์ด้านการวิจัย และนวัตกรรมตามที่สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติกำหนด (3) หน่วยงานอื่นของรัฐตามที่สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติกำหนด

2.วัตถุประสงค์การร่วมลงทุนเพื่อนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ สร้างประโยชน์ในเชิงพาณิชย์เชิงสังคมหรือเชิงสาธารณประโยชน์ สร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐและเอกชน หรือสร้างให้เกิดธุรกิจฐานเทคโนโลยีและนวัตกรรมรายใหม่

3.รูปแบบการร่วมลงทุน ร่วมลงทุนกับเอกชนจัดตั้งบริษัทร่วมทุน จัดตั้งนิติบุคคลเพื่อร่วมลงทุน รูปแบบอื่นและให้เป็นไปตามระเบียบของหน่วยงานเจ้าของโครงการ หน่วยงานเจ้าของโครงการอาจจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อร่วมลงทุน ให้ดำเนินการร่วมลงทุนในวิสาหกิจเริ่มต้นหรือบริษัทซึ่งมีวัตถุประสงค์ ในการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ได้

4.วิธีการคัดเลือกเอกชน มาร่วมลงทุน คัดเลือกจากเอกชนอย่างน้อย 3 ราย ที่เข้ายื่นข้อเสนอ ร่วมลงทุน โดยยึดหลักเกณฑ์การคัดเลือก ด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรมกับเอกชนทุกรายที่เข้ายื่นข้อเสนอ เอกชนที่ได้รับการคัดเลือกต้องมีคุณสมบัติ ประสบการณ์ ความพร้อม และความสามารถในการเข้าร่วมลงทุนเหมาะสม ตามเกณฑ์ที่กำหนด ใช้วิธีการเฉพาะเจาะจง โดยหน่วยงานเจ้าของโครงการเชิญชวนเฉพาะเอกชนซึ่งมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดรายใด รายหนึ่งให้เข้ายื่นข้อเสนอ

น.ส.รัชดากล่าวว่า การอนุมัติโครงการร่วมลงทุนพิจารณาความสอดคล้อง ของนโยบายการร่วมลงทุน ข้อเสนอและเงื่อนไขการร่วมลงทุน และความเป็นไปได้ทางธุรกิจ แผนธุรกิจ และแผนการจัดการ ความเสี่ยง รวมถึงความพร้อมของผู้ร่วมทุนและประสบการณ์ โดยหน่วยงานเจ้าของโครงการต้องจัดให้มีการลงนามในสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนที่ต้องผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุด หรือเป็นร่างสัญญา ที่เคยผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดด้วย