ครม.อนุมัติ 9 มาตรการภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง ปี’67 ห่วงภาวะเรียกว่า “เอลนีโญ” ฝนน้อย น้ำน้อย สภาพอากาศร้อนแรงเป็นพิเศษ
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา ได้รายงานสภาพอากาศปี 2567 ว่า
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
ช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยอยู่ในสภาพอากาศที่เรียกว่า “เอลนีโญ” ฝนน้อย น้ำน้อย สภาพอากาศร้อนแรงเป็นพิเศษ ปรากฏการณ์นี้จะสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2567 และตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 เราจะผ่านจาก “เอลนีโญ” เข้าสู่ “ลานีญา” แปลว่าฝนจะเยอะขึ้น น้ำจะเยอะขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ที่ผ่านมาประเทศไทยจะเจอกับปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” แต่ปริมาณน้ำต้นทุน ณ ฤดูฝนช่วงเดือน พ.ย. 2566 ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำมีปริมาณมากเพียงพอที่จะสามารถบริหารจัดการ เพื่อน้ำอุปโภค บริโภค และการเกษตรได้อย่างพอเพียง
ครม.ยังมีความเป็นห่วงการทำนาปรังรอบที่ 2 ของเกษตรกรชาวนาภาคกลาง ที่ทำนาบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา นายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแจ้งเตือนชาวนา ขอให้งดการปลูกข้าวนาปรังรอบที่ 2 เพราะน้ำที่มีสำรองไว้เพื่อใช้ในฤดูแล้งในช่วงเอลนีโญ พอเพียงต่อการทำนาปรังหนึ่งรอบเท่านั้น ส่วนในภาคอื่น ๆ ปริมาณน้ำสำหรับการเพาะปลูกยังพอเพียง
ด้านนายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ครม.มีมติรับทราบมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2566/2567 (9 มาตรการ) และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงปี 2567 และมอบหมายให้หน่วยงานดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว โดยรายงานให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ทราบ พร้อมทั้งสรุปผลการดำเนินงานรายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป
โดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้บูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการรองรับฤดูแล้งปี 2566/2567 จำนวน 3 ด้าน 9 มาตรการ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทันต่อสถานการณ์ และจัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงปี 2567 โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
ด้านน้ำต้นทุน (Supply)
มาตรการที่ 1 เฝ้าระวังและเตรียมจัดหาแหล่งน้ำสำรอง พร้อมวางแผนเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือในพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำ (ก่อนและตลอดฤดูแล้ง)
มาตรการที่ 2 ปฏิบัติการเติมน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ (ก่อนและตลอดฤดูแล้ง)
ด้านความต้องการใช้น้ำ (Demand)
มาตรการที่ 3 กำหนดแผนจัดสรรน้ำและพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ควบคุมการเพาะปลูกข้าวนาปรัง สร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกรเตรียมน้ำสำรองสำหรับพื้นที่ลุ่มต่ำรับน้ำนอง (ก่อนและตลอดฤดูแล้ง)
มาตราการที่ 4 บริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญการใช้น้ำที่คณะกรรมการลุ่มน้ำกำหนด (ตลอดฤดูแล้ง)
มาตรการที่ 5 เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ ประหยัดน้ำ และลดการสูญเสียน้ำในทุกภาคส่วน (ก่อนและตลอดฤดูแล้ง)
มาตรการที่ 6 เฝ้าระวังและแก้ไขคุณภาพน้ำ (ตลอดฤดูแล้ง)
ด้านการบริหารจัดการ (Management)
มาตรการที่ 7 เสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการบริหารจัดการน้ำของชุมชน (ตลอดฤดูแล้ง)
มาตรการที่ 8 สร้างการรับรู้ ประชาสัมพันธ์ (ก่อนและตลอดฤดูแล้ง)
มาตรการที่ 9 ติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน (ตลอดและหลังจากสิ้นสุดฤดูแล้ง)
สำหรับ การจัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงปี 2567 เพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ หรือเสี่ยงภัยแล้ง เพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และการจ้างแรงงานให้กับประชาชน หรือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง รวมถึงเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้
(1) การซ่อมแซมอาคารชลศาสตร์ (2) การปรับปรุงอาคารชลศาสตร์ (3) การสร้างความมั่นคงด้านน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค (4) การเพิ่มน้ำต้นทุน เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง และ (5) การเตรียมความพร้อมเครื่องมือเครื่องจักร
การดำเนินการมาตรการและโครงการดังกล่าว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2566/2567 พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการภายใต้มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2566/2567 ให้ สทนช.ทราบทุกวันที่ 5 ของเดือน
โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูแล้ง เพื่อให้การขับเคลื่อนตามมาตรการเป็นไปตามแผนและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมแผนงานโครงการและความพร้อมของโครงการให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ 5 ประเภทของโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงปี 2567 เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาภัยแล้งได้ทันต่อสถานการณ์และเป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย