“องอาจ” ชี้ แก้กม. กกต. ปมผู้ตรวจการลต.กระทบความเชื่อมั่นเลือกตั้งแน่ เชื่อ สนช. รับใบสั่งผู้มีอำนาจ

“องอาจ” ชี้ แก้กม. กกต. ปมผู้ตรวจการลต.กระทบความเชื่อมั่นเลือกตั้งแน่ เชื่อ สนช. รับใบสั่งผู้มีอำนาจ หวังยื้อเวลา

เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เข้าชื่อเสนอแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง(กกต.) โดยเน้นไปที่ระบบการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งว่า การแก้ไขกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของ สนช. ที่สามารถทำได้เมื่อพบว่าหลังมีการบังคับใช้กฎหมายไปแล้วมีปัญหาที่ควรแก้ไข แต่การที่ สนช.เสนอแก้กฎหมาย กกต.ที่เกี่ยวข้องกับการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งโดยอ้างว่า กกต. ชุดปัจจุบันกำลังจะหมดหน้าที่ควรรอให้ กกต. ชุดใหม่มาทำหน้าที่สรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งนั้นเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น เพราะ กกต. ชุดปัจจุบันมีอำนาจหน้าที่ทำงานตามปกติจนกว่าจะมี กกต. ชุดใหม่ เพราะฉะนั้นการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งก็เป็นการทำงานปกติตามกฎหมายและระเบียบที่วางไว้ ส่วนที่ สนช. อ้างว่า กกต. ออกระเบียบการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งไม่เหมาะสม จึงต้องการแก้กฎหมายกกต. เพื่อกำหนดวิธีการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งไว้ในกฎหมาย โดยไม่ให้ กกต.ไปออกระเบียบเองนั้น ซึ่งเมื่อดูร่างแก้ไขกฎหมายกกต.ของ สนช. แล้ว ก็ไม่เห็นหลักประกันอะไรที่แสดงให้เห็นว่าจะได้ผู้ตรวจการเลือกตั้งที่ดีกว่าแต่อย่างใด

นานองอาจ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นร่างแก้ไขกฎหมาย กกต. ของ สนช. กำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งโดยตัดองค์ประกอบในส่วนของภาคประชาชนออกไปอีกด้วย ซึ่งถือว่าแย่กว่าเดิม เพราะของเดิมมีภาคประชาชนเข้าร่วมสรรหาด้วย ถึงแม้ สนช. จะอ้างว่าเสนอแก้ไขกฎหมาย กกต. เป็นเจตนาดี เพื่อทำให้การเลือกตั้งเกิดความสุจริตเที่ยงธรรม แต่ข้ออ้างในการแก้ไขกฎหมาย กกต. ไม่สมเหตุสมผล จึงถูกมองได้ว่าการเคลื่อนไหวแก้ไขกฎหมาย กกต. ครั้งนี้มีใบสั่งจากผู้มีอำนาจมาถึง สนช. เพื่อทำให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญของ กกต. เป็นไปตามที่ผู้มีอำนาจต้องการ ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นอันตรายมากต่อการที่ประเทศกำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง เพราะผู้มีอำนาจมีแนวโน้มจะเป็นผู้ลงสนามเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งครั้งต่อไป ถ้าถูกสังคมมองว่าผู้มีอำนาจกำลังใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อประโยชน์ของตนและพวกพ้องผ่านกลไกผู้ตรวจการเลือกตั้ง เพื่อให้สมประโยชน์ กับตนเองมากที่สุด ก็จะยิ่งฉุดรั้งความไม่เชื่อมั่นต่อความสุจริตเที่ยงธรรมของการเลือกตั้งมากขึ้น ซึ่งไม่เกิดผลดีต่อการเดินหน้าประเทศไทยให้เข้าสู่สภาวะปกติแต่อย่างใด จึงขอฝากผู้มีอำนาจไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดี และหาทางทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น กับการเลือกตั้งให้ได้ เพราะถ้าปล่อยให้เรื่องนี้คาราคาซังต่อไปก็จะส่งผลกระทบสร้างภาพลบต่อผู้มีอำนาจต่อไป

 

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์