“บิ๊กตู่” ชี้ยุทธศาสตร์ชาติ คนไทยทุกคนเป็นเจ้าของ ต้องใช้ไปถึง 20 ปี ขอทุกฝ่ายร่วมมือ

แฟ้มภาพ

“บิ๊กตู่” บอกไทย ฟ้าเปิดแล้ว ขอร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ย้ำ 20 ปีเปรียบเหมือนถนนถ้ารถติดก็เปลี่ยนได้ ลั่นต้องทำชาติพ้นกับดักรายได้ปานกลางเร็วที่สุด อย่ารอ 20 ปี

เมื่อ‪เวลา 09.30 น.‬ วันที่ 27 กันยายน ที่ห้องแกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม อิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดการประชุมประจำปี 61 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และปาฐกถาพิเศษเรื่อง ”ยุทธศาสตร์ชาติ อนาคตไทย อนาคตเรา” โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) คสช. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคเอกชน นักวิชาการ ผู้แทนภาครัฐ ตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมรับฟัง 2,500 คน

โดยนายกฯกล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งว่า วันนี้อากาศปลอดโปร่งแจ่มใส ฟ้าสว่างแสดงว่าประเทศไทยฟ้าเปิดแล้ว วันนี้มีทุกภาคส่วนรวมทั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติมาร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง แสดงว่ายุทธศาสตร์ชาติเป็นเรื่องที่สำคัญ และทุกคนถือเป็นตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศที่จะทำให้ยุทธศาสตร์ชาติเดินหน้าต่อไปได้ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องมีเป้าหมาย มีอนาคตเหมือนกับคำที่กล่าวไว้ว่า อนาคตไทย อนาคตเรา คือการมองที่ส่วนรวมมาก่อนว่าประเทศชาติสังคมจะได้อะไร แล้วค่อยมาคิดถึงตัวเองเป็นอันดับสอง ถ้าคิดแบบนี้ประเทศก็จะเดินไปได้อย่างแน่นอน รวมทั้งไม่ว่าจะยุทธศาสตร์ใดก็จะเดินหน้าไปได้หมด การประชุมวันนี้ถือเป็นการสร้างความเข้าใจสร้างความรับรู้ในแนวคิดและสาระสำคัญในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีให้ทุกภาคส่วนในสังคม เพราะปัจจุบันยังมีความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน ทุกคนทราบดีว่าใครไม่เข้าใจหรือพยายามไม่เข้าใจจริงๆ วัตถุประสงค์ในการหารือกันวันนี้ก็เพื่อให้สามารถมองภาพในอนาคต เห็นเป้าหมายระยะยาวของประเทศ ถือเป็นปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าด้วยกัน สู่วิสัยทัศน์ที่ต้องการอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งทุกคนอยากเห็นประเทศไทยมีความสมบูรณ์ทั้ง 3 ประการ

“การจะทำอะไรก็ตามจะต้องมีก้าวแรกเสมอ ไม่ว่าจะเท้าซ้ายหรือเท้าขวา ก็จะต้องเดินต่อ และคิดต่อว่าจะทำอย่างไรถึงจะไม่ล้ม จึงจำเป็นต้องมีการประคับประคอง ซึ่งหมายถึงยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดขึ้นมา และจะทำให้ทุกรัฐบาลสามารถทำงานสอดประสานกันให้เกิดความต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายอันเดียวกัน แก้ปัญหาต่างๆที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต และจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าทุกคนอยากทำให้ประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้าเหมือนประเทศอื่น เราจึงจำเป็นต้องกำหนดบทบาทของตัวเองว่ายืนอยู่ตรงไหน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว หลายอย่างจึงต้องใช้เวลา เราจึงต้องวิเคราะห์พิจารณาหาวิธีการที่เหมาะสมด้วยการสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน หลายประเทศมีการเจริญเติบโตเป็น100ปี ด้วยกระบวนการประชาธิปไตย ประเทศเรามีมา 80 ปี ซึ่งไม่ใช่เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี แต่เป็นสิ่งที่เราต้องดูว่าประเทศที่อื่นที่โตมาถึงวันนี้เป็นประเทศที่ไม่มีปัญหาหรือเคยมีปัญหามาแล้ว และทำอย่างไรให้ประเทศพัฒนาเติบโตขึ้นมาได้ บางประเทศที่มีความร่ำรวยเป็นมหาอำนาจในวันนี้ก็เคยมีปัญหา มีความยากลำบากในการสู้รบ ความขัดแย้ง แต่ถึงวันนี้สามารถที่จะขจัดสิ่งเหล่านี้ไปได้ ประเทศไทยอยู่ในดินแดนสุวรรณภูมิ เป็นดินแดนแห่งความสุข เป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง เราอย่าทำลายศักยภาพของตัวเองตรงนี้ เราต้องช่วยกันรักษาและพัฒนาให้ประเทศก้าวไปสู่ความมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืน ความต้องการที่จะให้ประเทศไทยเป็นเหมือนประเทศอื่นเราต้องดูหลายอย่างประกอบทั้งสภาพแวดล้อมปัจจัยภายในภายนอก รวมถึงงบประมาณ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไปสู่เป้าหมายให้เกิดความต่อเนื่องยั่งยืน เป็นประเทศไทย 4.0 และทั่วโลกได้รับรู้และชื่นชมอนาคตของประเทศไทยที่นำเอาศักยภาพที่มีอยู่ขึ้นมาเป็นตัวกำหนด แต่เรายังมีปัญหาภายในประเทศที่ติดอยู่หลายอย่าง คนในประเทศก็ต้องการให้ทำหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับประเทศรอบบ้าน ซึ่งตนจะไปสั่งการอย่างเดียวไม่ได้ต้องใช้วิธีการหารือ การเจรจา และปลดล็อก เพื่อทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันเพื่อออกแบบอนาคตประเทศ ซึ่งไม่ใช่จะโจมตีทุกเรื่อง หาจุดอ่อนในทุกเรื่อง มันไม่ใช่ อย่างนี้ไม่เรียกว่าการร่วมมือกันออกแบบสังคมของประเทศ อย่างไรก็ตามปัญหาส่วนใหญ่คือทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง บังคับกันไม่ได้ ดังนั้นทุกคนต้องหาวิธีการ ว่าทำอย่างไรเราจะมีส่วนร่วมกันและพัฒนาประเทศไปได้ ถ้าทุกคนคิดถึงแต่ตัวเอง ทุกอย่างจะกลับสู่ที่เดิม เดินไปข้างหน้าไม่ได้ จะเกิดปัญหาแบบเดิมขึ้นมาอีก ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการออกแบบอนาคตประเทศ

“ผมมั่นใจว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกคนช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ไข ช่วยกันร่างกฎหมายและยุทธศาสตร์ชาติ จึงถือว่าทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน ยุทธศาสตร์ชาติเราต้องใช้ไปถึง 20 ปี อย่าไปกังวลว่า 20 ปีจะแข็งกระโด๊กกระเดกสามารถที่จะปรับเปลี่ยนได้ ระยะเวลา 20 ปี ถือเป็นการกำหนดเป้าหมายและแนวทางในการพัฒนาประเทศ เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของทุกคนอย่างต่อเนื่องสอดคล้องในทุกมิติ เป้าหมายของรัฐบาลคือทำให้ประเทศหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลางโดยเร็วที่สุด ไม่ใช่ต้องรอถึง 20 ปีอะไรทำเร็วได้ก็ต้องทำ ต้องสร้างความเท่าเทียมเกิดขึ้นให้ได้ แต่ปัญหาที่สำคัญตอนนี้คือเรื่องของที่ดิน การเวนคืนมีปัญหาทั้งหมด เพราะบางคนไม่ยอมให้ บางคนขอขึ้นราคา ถนนบางสายยังก่อสร้างไม่ได้ เพราะที่ดินราคาสูงขึ้นทุกปี 2-3 เท่า จึงต้องดูว่า ราคาที่ดินขึ้นเพราะอะไร เป็นการขึ้นตามข้อกำหนดของกฎหมายหรือไม่ หรือสูงกว่าราคาตลาด หรือมีใครไปซื้อดักหน้า เราจึงจำเป็นต้องมีแผนแม่บทไว้ล่วงหน้า” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า การกำหนดเป้าหมายประเทศระยะยาวทำเพื่อให้เกิดแนวทางการพัฒนาประเทศชัดเจน เห็นเป้าหมายอนาคตร่วมกัน ทำให้การพัฒนาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ เหมือนกับการเดิน ซึ่งก้าวแรกจะต้องดูว่า เราต้องการเดินไปยังจุดใด เปรียบกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทเป็นถนนหรือทางเดินของทุกคน แต่ถึงเวลาหากรถติดก็อาจเปลี่ยนเส้นทางได้ สามารถที่จะปรับแก้ได้ตลอดเวลา เด็กทุกคนน่าจะเข้าใจ ตนอยากจะพูดกับทุกคน อย่างที่อยู่ในห้องประชุมวันนี้พวกที่อยู่ข้างหน้ามีความเข้าใจ เพราะตนพูดมาบ่อย ฝากพวกที่อยู่หลังห้องให้ฟัง เพราะตนเองก็ยังฟังเสียงทุกคน เพราะนี้คืออนาคตของทุกคน

 

ที่มา : มติชนออนไลน์