
สืบเนื่องกรณี แอมเนสตี้ ถอดรางวัลสูงสุด “เอกอัครราชทูตด้านมโนธรรม” ที่เคยมอบให้นาง ออง ซาน ซูจี รมว.ต่างประเทศ เมียนมา
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ดร.ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วิวัชร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แสดงความเห็นว่า ปัญหาของซูจีที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์คือ การกวาดล้างโรฮิงญา ซึ่งซูจีไม่สามารถควบคุมกองทัพได้ นี่เป็นปัญหาทางการเมืองแต่ลืมไปว่าที่ผ่านซูจีทำหน้าที่ประสานงานกับกองทัพอย่างใกล้ชิด โดยไม่ทำให้กระบวนการหาข้อเท็จจริงเป็นไปอย่างราบรื่น ที่สำคัญมีการตั้งคณะทำงานเพื่อเป็นหนังหน้าไฟให้กองทัพพม่า นั่นคือ สิ่งที่ทำให้ซูจีไม่เหมาะสมอีกต่อไปสำหรับการเป็นทูตแห่งมโนธรรม
“สมควรถูกถอด ไม่ควรเป็นทูตแห่งมโนธรรมได้อีกต่อไป อีกประเด็นที่ใหญ่มากๆ คือ พม่าปัจจุบันเกิดกระบวนการเจรจาสันติภาพ ซึ่งตั้งแต่ออง ซาน ซูจี เป็นอยู่ในรัฐบาลมา เป็นไปอย่างเชื่องช้ามาก การแสดงออกของซูจีในหลายๆ ครั้ง ซูจียังสะท้อนให้เห็นความไม่เข้าใจกระบวนการสันติภาพที่ดีพอ
นอกจากนี้ยังไม่สามารถแสดงท่าทีอย่างที่เคยให้คำมั่นกับกลุ่มชาติพันธุ์ว่า หากตัวเองได้เป็นรัฐบาลแล้วจะนำความเท่าเทียม ความสงบสุขกลับคืนสู่ชาติพันธุ์ นี่คือสิ่งที่กลุ่มชาติพันธุ์โกรธมาก พอเอาเข้าจริงตัวเองกลับเล่นไปตามเกมของกองทัพ อีกทั้งยังไม่มีแผนสันติภาพในใจเลย ทั้งที่ลงนามสนธิสัญญาสันติภาพกับกลุ่มชาติพันธุ์ ไม่สามารถใช้อำนาจที่ตัวเองมีในกลไกทางการเมืองผลักดันกระบวนการสันติภาพ
“แน่นอนว่าทหารคุมอยู่ แต่ซูจีก็มีศักยภาพด้านอื่นถ้ามีแผนสันติภาพในใจ ใครก็พร้อมอยู่ข้าง โลกอยู่ข้างเขาแล้ว เปรียบเหมือนคนมีหวีติดตัว แต่ไม่มีเวลาหวีผมตัวเอง ชนกลุ่มน้อยทุกกลุ่มผิดหวังกับซูจี เมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวตายตัวแทนที่จะมาขับเคลื่อนต่อก็หาไม่ได้แล้ว” ดร.ฐิติวุฒิกล่าว
ที่มา มติชนออนไลน์