อัพเกรด “สายสืบ กกต.” สอดแนม จับโกงเลือกตั้ง

ในการเลือกตั้ง 2562 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตามรัฐธรรมนูญใหม่ 2560 มีอำนาจมากกว่ามาก

ล่าสุด ระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 ที่เพิ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 17 ม.ค. “เพิ่มดาบ” ให้ กกต.อีก 1 เรื่อง

อิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวถึงขอบเขตของประกาศ กกต.ดังกล่าวว่า “เป็นประกาศที่ให้อำนาจ กกต.สามารถแต่งตั้งพนักงาน กกต.เป็นพนักงานสืบสวน สอบสวน ไต่สวน และดำเนินคดีเหมือนพนักงานฝ่ายปกครอง นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ต้องจัดฝึกอบรมให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ น่าเชื่อถือ มีประสิทธิภาพ เพราะจะใช้คนของเรา โดยไม่ต้องไปขอให้ตำรวจ อัยการ ทำสำนวนในอนาคต”

พลิกดูประกาศ กกต.ในส่วนขอบเขตอำนาจของ “เจ้าพนักงาน” ที่ กกต.แต่งตั้งให้เป็นพนักงานสืบสวน สอบสวน ไต่สวน ดำเนินคดี จับกุมดำเนินคดีได้ เมื่อมีการยื่นคําร้อง หรือมีเหตุอันควรสงสัย หรือความปรากฏต่อ กกต.ว่ามีการกระทําใดอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง หรือจะมีผลให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือเป็นไปโดยมิชอบ

1.สอดส่อง และรวบรวมข้อมูลหรือรายละเอียดอันเกี่ยวกับบุคคล เครือข่าย ภูมิประเทศความเคลื่อนไหวหรือกิจกรรมของบุคคล พรรคการเมือง รวมทั้งข้อพิรุธอันควรสงสัยใด ๆ โดยทําเป็นบันทึกรายละเอียดเก็บรวบรวมไว้ เพื่อประโยชน์ในทางที่จะนํามาใช้ในการระงับ ยับยั้ง ป้องกัน และขจัดการกระทํา หรือการงดเว้นการกระทําใดอันจะก่อให้เกิดความไม่สุจริตหรือไม่เที่ยงธรรมในการเลือกตั้ง

Advertisment

2.แสวงหา และรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเท่าที่จะทําได้ เพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์เกี่ยวกับการกระทําใดอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง หรือทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม

3.สืบสวน สอบสวน ไต่สวน ดําเนินคดี รวมทั้งหน้าที่และอํานาจอื่นตามที่คณะกรรมการ กกต.มอบหมาย

4.เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจชั้นผู้ใหญ่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และให้มีอํานาจเช่นเดียวกับพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

5.กรณีที่ต้องมีการค้นจับคุมขัง เจ้าพนักงานอาจดําเนินการร่วมกับตํารวจหรือพนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานอื่น หรือแจ้งตํารวจหรือพนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานอื่นดําเนินการก็ได้

Advertisment