โกลาหลปรับ ครม.ประยุทธ์ 2/2 พลังประชารัฐป่วน-ได้เวลา “เสี่ยหนู”

เกมหักเหลี่ยม-เฉือนคมของกลุ่ม-ก๊วนภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เขย่าโสตประสาท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา-เร่งเร้าให้เกิดการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประยุทธ์ 2/1

คล้อยหลังยกมือโหวต “ไว้วางใจ” พล.อ.ประยุทธ์และพวก-6 รัฐมนตรี “ท่วมท้น” เสียง “ปรับ ครม.ประยุทธ์ 2/2” กระหึ่มทั่วทั้งสภา-ทำเนียบรัฐบาล

การขยับของแกนนำ “มุ้งใหญ่” ที่เคย “ปราชัย” ศึก “ยึดพรรค” ใน “ยกแรก” เมื่อครั้งการปรับโครงสร้างพรรค-กรรมการบริหารพรรค เพื่อเปลี่ยนหัว-นายอุตตม สาวนายน และเลขาธิการพรรค-นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

การปรับ “ครม.ประยุทธ์ 2/2” จึงเป็นศึกยึดพรรค “ภาคสอง” เพื่อปรับเปลี่ยน “ขุมกำลัง” ภายในพรรค-ทำเนียบรัฐบาล สะท้านไปถึงกลุ่ม “สี่กุมาร” และ “ทีมเศรษฐกิจ”

ส่วน “สมคิด” ในเวลานี้ ปล่อยให้สถานการณ์เป็นตัวกำหนด ขึ้นอยู่กับ “อุตตม สาวนายน” รมว.คลัง ในฐานะหัวหน้า พปชร.ตัดสินใจ

จน “สุวิทย์ เมษินทรีย์” แกนนำกลุ่มสี่กุมาร 1 ในรัฐมนตรีที่เข้าข่าย “ถูกปรับออก” ต้องออกมา “ทิ้งบอมบ์” คัดกรองออกจาก “กลุ่มเสี่ยง”

1.ขาลอย-ไม่ได้จ่ายเงินให้พรรค 2.ไม่มีจำนวน ส.ส.อยู่ในมือ และ 3.ไม่เข้าพรรค-พวก

ผมคิดว่าหากมีการปรับ ครม.และคัดเลือกรัฐมนตรีด้วย 3 เหตุผลนี้ ประเทศไทยคงไม่มีทางหลุดจากวงจรอุบาทว์ทางการเมืองที่สร้างปัญหาซ้ำซากแบบเดิมที่ยังปรากฏอยู่ทุกวันนี้ได้”

“สุวิทย์” เป็นเป้าหมาย “เบอร์ต้น” ที่จะถูก “เขี่ยออก” โดยมี “2 ฮ. “เสี่ยแฮ้ง” อนุชา นาคาศัย รองประธานยุทธศาสตร์ และ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ประธาน ส.ส.พรรค “คอยเสียบ” ตำแหน่งที่ว่าง

สถานการณ์การปรับคณะรัฐมนตรีใน พปชร.ยังคงระอุดุเดือด สะเทือนไปทั้งพรรค

ขณะที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคค่ายสีน้ำเงิน ดูจะ “ขึ้นหม้อ” ภายหลัง “ช้อนซื้อ” 9 หุ้นเด่น-ทำกำไร ส่งผลให้ภูมิใจไทย กลายเป็นพรรคการเมืองที่มีจำนวน ส.ส.มากที่สุดเป็น “อันดับ 3”

เป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่มีเสียงเป็น “อันดับ 2” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี “อันดับรอง” จาก พล.อ.ประยุทธ์

“เสี่ยหนู” ยัง “สงวนท่าที” ทำตัวเป็น “เด็กดี” แม้ภูมิใจไทยจะบริหารพอร์ต ส.ส.เพิ่มขึ้นเป็น 61 เสียง มากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ “ทีมร่วมรัฐบาล”

หากมีการปรับ ครม.ประยุทธ์ 2/2-เกลี่ยโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีใหม่ โดยยึดโควตา 7 ส.ส. เท่ากับ 1 เก้าอี้เสนาบดี จะทำให้ภูมิใจไทยได้เก้าอี้ฝ่ายบริหารเพิ่มอีก 1-2 เก้าอี้

“ไม่ ๆ อย่าไปพูดถึงเรื่องนั้นเลย เราเริ่มกันมาแบบนี้แล้ว และไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน เวลามีคลื่นลมไม่สงบ คนในเรือก็อย่าไปโยกเยกตัวเองให้มากนัก ประคองเรือผ่านไปได้ เดี๋ยวคลื่นลมก็สงบ เดี๋ยวถึงเวลาก็เรียบร้อยเอง”

“การปรับ ครม.เป็นเรื่องของแต่ละพรรคอยู่แล้ว พรรคไหนจะปรับหรือไม่ปรับ ถ้ามีการปรับหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เป็นเรื่องปกติของทุกรัฐบาล”

“การปรับ ครม. ทำให้เกิดโอกาส เกิด motivation (แรงจูงใจ) ของแต่ละคน ก็เป็นสิ่งที่สมควร ของผมมันง่าย อะไรที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมืองตัดสินใจเร็วอยู่แล้ว ด้วยอุปนิสัย”

ในห้วงเวลาที่ “อนุทิน” ชุลมุนอยู่กับการรับมือ “ไวรัสมรณะ” COVID-19 แต่งานในสภากลับดึงงูเห่า “เติมเสียงรัฐบาล” ในสภาให้ “โผล่พ้นน้ำ”

“ตอนนี้เอาเรื่องไวรัสโควิด-19 เรื่องภัยแล้งก่อน รัฐบาลต้องรีบทำงาน งบประมาณผ่านสภาและเพิ่งโปรดเกล้าฯลงมา ความทุ่มเททั้งหมดก็ต้องไปที่การผลักดันให้งานออกมาตามงบประมาณ”

“เวลาก็น้อย มีเวลา 6 เดือน 7 เดือน ที่ต้องผลักดันการใช้จ่ายให้มากที่สุด เชื่อว่าการหมุนเวียนของเงินก็จะมากขึ้น แม้จะอยู่ในประเทศไทย แต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ระดับล้านล้านบาท”

“เนื่องจากขณะนี้มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า การเดินทางไม่สะดวก คนที่มีวันหยุดเหลืออยู่ เที่ยวเมืองไทยก็ได้ ไทยเที่ยวไทยกันเยอะ ๆ คนก็กล้าลงทุน”

ขณะที่คลื่นลมทางการเมือง-แฟลชม็อบนักศึกษา เริ่มลุกลาม-ดาวกระจายไปทั่วประเทศ “อนุทิน” ก็เล่นบท “คนกลาง”

“เราต้องฟังทุกฝ่าย ประเทศนี้เป็นประเทศประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น รัฐบาลก็รับฟัง แต่ก็ขอให้รวมตัวกันเพื่อความก้าวหน้าของบ้านเมือง คนที่มีไอเดียดี ๆอยู่ฝั่งไหน เราก็ต้องฟัง”

ด้านพรรคประชาธิปัตย์นัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 ซึ่งมี “วาระเพื่อทราบ” รายงานการดำเนินการของพรรค รับรองงบการเงิน ในวันที่ 7 มีนาคม 2563 ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมรามาการ์เด้นส์

“จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรค ทำหนังสือเชิญกรรมการบริหารพรรค อดีตหัวหน้าพรรค อดีตเลขาธิการพรรค ส.ส. อดีต ส.ส. รัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีของพรรค หัวหน้าสาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด ผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกพรรค

วาระที่สำคัญ คือ การประชุมถึงแผนงาน และโครงการที่พรรคจะดำเนินการ รวมทั้งกิจกรรมต่าง ๆ สำหรับปีต่อไป รวมถึงการส่งเสริมให้มีส่วนร่วมของภาคประชาชนในทางการเมืองประชาธิปัตย์-พรรคที่มีโอกาส”ถูกริบ” โควตารัฐมนตรีมากที่สุด เพราะเป็น “เด็กดื้อ” ของรัฐบาลหลายครั้ง-หลายครา แต่ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงให้เกียรติ-รักษามารยาท ความเป็นพรรคแกนนำหลักที่ต้อง “เสียสละ”

เพื่อประคับประคองรัฐนาวา พล.อ.ประยุทธ์ ให้ถึงฝั่ง