ชิงเค้กเงินกู้ 1.9 ล้านล้าน แจก 5 พัน-27 ล้านคน ระเบิดเวลารัฐบาล

รายงานพิเศษ

การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) รุนแรง-รุกหนัก ทำลายล้างทุกสิ่ง ทั้งเศรษฐกิจ-สังคม และการเมืองเป็น “ระเบิดเวลา” รอวันใบไม้ร่วง-หล่นใส่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 แต่เพียงผู้เดียว

ระเบิดเวลาบิ๊กตู่

ความปั่นป่วน-โกลาหลหน้ากระทรวงการคลัง อุณหภูมิหลักกิโลเมตรพระรามหก ปรอทแตก-ทะลุจุดเดือด เมื่อ “คนอกหัก” จากมาตรการเยียวยาแรงงานนอกระบบ-อาชีพอิสระ รายละ 5,000 บาท ปาดน้ำตา ฝ่าด่านคัดกรองชั้นต้น “ยื่นอุทธรณ์”

โดยกระทรวงการคลังจะให้โอกาสประชาชน 12 ล้านราย ที่ “ไม่ผ่านเกณฑ์” กดปุ่ม “อุทธรณ์” ในวันที่ 20 เมษายน 2563 ไทม์ไลน์-ที่มาของความปั่นป่วน-โกลาหล ดอกที่ 1 คือ แพ็กเกจเยียวยาแรงงานนอกระบบ-อาชีพอิสระ “หัวละ 5 พันบาท” ข้าราชการกระทรวงการคลังเสิร์ฟ ตัวเลข 3 ล้านคน ระยะเวลา 3 เดือน งบประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท เป็นตัวเลขกลุ่มอาชีพอิสระ-รับจ้าง-ลูกจ้างชั่วคราว-กิจการส่วนตัว-ค้าขาย เป็นแพ็กเกจไม่ปรุงแต่ง

แต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2563 ตัวเลขจำนวนผู้ได้รับสิทธิเพิ่มขึ้น จาก 3 ล้านคน เป็น 9 ล้านคน ซึ่งมาจากตัวเลขแรงงานนอกระบบ-อาชีพอิสระ (ผู้ประกันตน ม.39 และ ม.40) จากแรงงานทั้งหมด 37 ล้านคน

สุดท้ายเมื่อเข้าสู่ที่ประชุม “ครม.นัดพิเศษ” เห็นชอบร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 3 ฉบับ 1.9 ล้านล้านบาท+แพ็กเกจเยียวยา-ฟื้นฟูเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านบาทพ่วงด้วยการขยายระยะเวลาการเยียวยา-โควิด ยืดเยื้อ “หัวละ 5 พันบาท” จาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน ความปั่นป่วนซ้อนปั่นป่วน เพราะกลุ่ม 9 ล้านคน-4 อาชีพได้แน่ กลายเป็นว่า กลุ่มไม่ผ่านเกณฑ์ 4.73 ล้านคน ต่อมาเป็น 5 ล้านคน สุดท้าย 12 ล้านคน-ไม่ได้แน่

แม้จะให้ “กดปุ่มอุทธรณ์” แต่กลับตบจูบ-ขู่ลงดาบประชาชน หากพบว่ากรอก “ข้อมูลเท็จ” และให้กระทรวงมหาดไทยลงไปตรวจสอบ “รายตัว” ว่า “จนจริง” หรือไม่ ความปั่นป่วนจึงยกระดับความเข้มข้นขึ้น

ขณะที่กลุ่ม “ขอข้อมูลเพิ่มเติม” 6 ล้านราย “เราไม่ทิ้งกัน” ก็ “ซื้อเวลา” เพราะต้องรอร่าง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ประกาศในราชกิจจานุเบกษา-บังคับใช้ปลาย เม.ย.-พ.ค. ใช้เงินได้ พ.ค.-มิ.ย.

รุมทึ้ง 1.9 ล้านล้าน

ความปั่นป่วน ดอกที่ 2 ในส่วนของสาธารณสุข 4 แสนล้านถูกเปลี่ยนไป-เปลี่ยนมา 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 “วงเล็กทำเนียบ” เคาะตัวเลขเพื่อการแพทย์-สาธารณสุข 6 หมื่นล้านบาท ครั้งที่ 2-หลัง “ครม.นัดพิเศษ” ลดลงเหลือ 3 หมื่นล้านบาท

และล่าสุด-ครั้งที่ 3 ปลัดกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์ออกอากาศรายการศูนย์โควิด-19 ว่า กันงบฯไว้สำหรับสาธารณสุข-ซื้อวัคซีนต้านไวรัสโควิดเข็มละ 500 บาท 67 ล้านคน จำนวน 4.5 หมื่นล้านบาท สะท้อนว่าเรื่องสาธารณสุขถูกจัดลำดับความสำคัญเป็น “อันดับรอง” ในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 สะท้อนมาจากการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาล-รุมทึ้งเงิน 1 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังตั้ง “คณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจเอกชน” ในศูนย์โควิด-19 โดยมีภาคเอกชนร่วมวงอุ่นหนาฝาคั่ง และโยน 12 ข้อเสนอ เพื่อขอ “แบ่งเค้ก” เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท

1.ปรับลดค่าไฟฟ้า 5% ทั่วประเทศ

2.เอกชนสามารถนำค่าใช้จ่ายสำหรับป้องกันโควิด-19 มาหักค่าใช้จ่ายได้ 3 เท่า

3.ขอให้รัฐออกคำสั่งปิดกิจการโรงแรม เพื่อให้ลูกจ้างได้รับเงินช่วยเหลือ จากประกันสังคม 4.ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ปีภาษี 2562-2563 กรณี SMEs ไม่เกิน 10% ผู้ประกอบการอื่นไม่เกิน 20% 5.รัฐจัดสรรงบประมาณในการจ้างงานและซื้อสินค้าจากผู้ผลิตภายในประเทศ

6.ผ่อนปรนการเข้าถึงสินเชื่อสำหรับเอสเอ็มอี

7.อนุญาตให้จ้างงานเป็นรายชั่วโมง ชั่วโมงละ 40-41 บาท 4-8 ชั่วโมงต่อวัน

8.ลดเงินสมทบประกันสังคมของนายจ้างเหลือ 1%

9.ช่วยเหลือ

ค่าจ้างภาคเอกชน รัฐจ่าย 50% ของรายได้ขั้นต่ำ 15,000 บาท 10.บริษัทนำค่าใช้จ่ายด้านจ้างแรงงานช่วงโควิด-19 มาหักภาษี 3 เท่า 11.การผ่อนปรนมาตรการเคอร์ฟิวธุรกิจขนส่งสินค้าในเวลากลางคืน และ 12.การช่วยเหลือผู้ประกอบการขนส่งผู้โดยสารระหว่างเมืองให้มีมาตรฐานเดียวกัน

ปลดชนวนหัวละ 5 พัน

แม้ “พล.อ.ประยุทธ์” จะมีทั้งอำนาจรัฐ-อำนาจเงิน แต่ไม่สามารถบริหารจัดการได้ ทำให้เกิด “แนวต้านมุมกลับ” ไม่ผลิดอกออกผลในการเลือกตั้งครั้งหน้า และอาจจะ “ติดลบ” ทางการเมืองเพราะ 5.5 แสนล้าน จะสูญเปล่า-เป็นระเบิดเวลาก่อนระเบิดเวลาการเมืองจะถูกจุดชนวน พล.อ.ประยุทธ์ take action ด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลด้านผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

เพื่อแก้ปัญหาการเยียวยาหัวละ 5 พันบาท มี 10 ปลัดกระทรวง กับอีก 1 ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี “ประสงค์ พูนธเนศ” ปลัดกระทรวงการคลัง “นั่งหัวโต๊ะ” ตามมาด้วยกระทรวงการคลังตอบ 35 คำถาม ทำไมยังไม่ได้ 5 พันบาท

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะตั้ง 10 ปลัดแก้ปมป่วนกระทรวงการคลัง “ทีมการเมืองของพรรคพลังประชารัฐ” ได้เข้าไป take action ทันที ตั้งแต่ค่ำวันปั่นป่วนหน้ากระทรวงการคลัง ที่ทำให้ปลัดกระทรวงการคลัง และ “ลวรณ แสงสนิท” ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจการคลัง-โฆษกกระทรวงการคลัง “รับมือไม่อยู่”

เบื้องหลังของการดึงการเมือง-วัตถุไวไฟในพรรคออกจากกระทรวงการคลัง คือ “กุนซือการเมืองระดับพระกาฬ” ขณะที่อีกข้างหนึ่งเป็นการบริหารจัดการในทำเนียบรัฐบาล

กู้ศรัทธา เยียวยา 27.3 ล้านคน

ปัจจัยชี้ขาดของรัฐบาลในเวลานี้จึงเป็นการแก้ปัญหาโควิด-19 เพราะนอกจากจะรักษาโรคและฟื้นฟูเศรษฐกิจแล้ว ยังต้องฟื้นฟูประชาชน-คนที่ผิดหวัง 27.3 ล้านคน ที่ลงทะเบียน “เราไม่ทิ้งกัน”

คนที่ได้รับเงิน 5 พันบาท รัฐบาลอาจจะได้คะแนน ลอตแรก 3.2 ล้านราย แบ่งออกเป็นเงินเยียวยาถึงมือคนทำงานที่เดือดร้อนแล้ว 2.4 ล้านราย 1.2 หมื่นล้านบาท และเริ่มทยอยโอนเงินแล้ว 8 แสนราย 4 พันล้านบาท

ทว่า คนผิดหวังจาก “หลักประกันชีวิต” ในช่วงวิกฤตและไม่ได้รับเงิน 5 พันบาท รัฐบาลจะ “เสียคะแนน” อย่างแน่นอน และไม่ใช่ 1 คะแนน แต่จะเป็นทั้งครอบครัวเป็น 5.5 แสนล้านบาท ที่ไม่อาจเยียวยาคะแนนนิยมและกอบกู้ความน่าเชื่อถือของรัฐบาล-พรรคพลังประชารัฐกลับคืนมา