“สุดารัตน์” กำจัดจุดอ่อน “เพื่อไทย” ชิงธงประกาศนโยบายซ่อมพรรค

ข่าวคราวของ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” แกนนำพรรคเพื่อไทย ในพรรคเพื่อไทย มีทั้งบวกทั้งลบ ทั้งขาวทั้งดำในเวลาเดียวกัน

ข่าวด้านบวก “คุณหญิงสุดารัตน์” เป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่จะมานำพรรคในอนาคต โดยเฉพาะรอยต่ออำนาจระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตย

กระแสหนึ่ง “คุณหญิงสุดารัตน์” ขึ้นชื่อว่ามีคอนเน็กชั่นแนบแน่นกับบิ๊กคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่าง พล.อ.นพดล อินทปัญญา นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 6 จปร.17 เพื่อนสนิท พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ในรัฐบาล

อีกกระแสหนึ่ง มีข่าวว่า “คุณหญิงสุดารัตน์” ได้รับ “ไฟเขียว” จากนายใหญ่ที่ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ให้ออกมาเคลื่อนไหวการเมือง ถือธงนำพรรค เพื่อเปิดประตูปรองดองกับขั้วอำนาจสีเขียว

จึงมีอดีต ส.ส.จำนวนหนึ่งที่กระโดดไปเกาะกลุ่มกับ “คุณหญิงสุดารัตน์” ทั้งอดีต ส.ส.เหนือ ส.ส.อีสาน และ ส.ส.กทม. รวมถึง อดีต ส.ส.ที่เคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ก็รวมอยู่ในก๊กของคุณหญิง

แต่ในข่าวด้านลบ ชื่อของ “คุณหญิงสุดารัตน์” ก็ยังไม่ได้เป็นที่ยอมรับของอดีต ส.ส.ส่วนใหญ่ในพรรคเท่าที่ควร แถมท่าทีที่ผ่านมายังห่างเหินกับขั้วชินวัตร สาย “ยิ่งลักษณ์ สมชาย-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” จึงทำให้สปอตไลต์การเมืองสาดส่องมาที่ “คุณหญิงสุดารัตน์” ไม่มากเท่าที่ควร

แต่เมื่อถึงคราวที่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ตัวเอกในละครการเมืองของเพื่อไทย อดีตต้องลี้ภัยคดีทุจริตไปอยู่ต่างประเทศ ชื่อของ “คุณหญิงสุดารัตน์” ก็ถูกจับตามองอีกครั้ง

พลันที่มีวาระการเปิดตัวบนเวทีเสวนาการเมือง “คุณหญิงสุดารัตน์” บอกกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ยังไม่ขอพูดถึงเรื่องผู้นำคนใหม่ของพรรคเพื่อไทยจะ “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” คนในตระกูลชินวัตร แต่ขอให้มองสองสิ่ง 1.แนวทางของพรรคในการเลือกตั้งครั้งต่อไป 2.ปฏิรูปพรรคเพื่อไทยให้เป็นสถาบัน

“ขณะนี้เป็นโอกาสปรับปรุง ปฏิรูปพรรคการเมือง พรรคเพื่อไทยก็ต้องปฏิรูป สิ่งที่บอกว่าควรจะเลือกหัวหน้าพรรคก่อน ไม่ถูกต้อง แต่ต้องหาแนวทางก่อน ทำอย่างไรให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่ยึดมั่นดูแลปกป้องประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้อย่างเข้มแข็งไม่ให้อำนาจอื่นมายึดอำนาจอีก และทำอย่างไรให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองสนับสนุนการกินดีอยู่ดีของชาวบ้านได้ หลังจากเปิดประชุมพรรคแล้วค่อยมาพูดถึงตัวบุคคลที่เหมาะสมกับแนวทางพรรค ตัวบุคคลไม่มีปัญหาเพราะมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเยอะ แม้จะล้มหายตายจากจากการถูกตัดสิทธิ แต่ผู้มีความรู้ความสามารถเยอะ”

“แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเลือกตั้งเมื่อไหร่ แต่พรรคเพื่อไทยต้องเอาจุดแข็งของตัวเองตั้งแต่ไทยรักไทยกลับขึ้นมา แต่อะไรที่เป็นจุดอ่อนก็ปรับปรุง ให้จุดอ่อนที่มีขึ้นลดน้อยถอยลง จุดแข็งเป็นจุดที่ประชาชนมองเห็นว่าได้นำเสนอนโยบายทางออก ทางแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมแล้วทำสำเร็จ”

“จุดอ่อนคือสิ่งที่เป็นความขัดแย้งทางการเมือง ที่ถูกโจมตีจะต้องได้รับการแก้ไข สิ่งเหล่านี้ถ้าในเวลาที่เหมาะสม เปิดโอกาสให้มีการพูดจากันได้ คงจะมีการวิเคราะห์แล้วมาดูกันว่า สิ่งที่นำเสนอว่าควรจะมีการปฏิรูป ทำในสิ่งที่เป็นจุดแข็ง นโยบาย สิ่งที่เป็นจุดแข็ง ความสำเร็จของการแก้ปัญหาส่วนรวมขึ้นมาเป็นจุดเด่นมากขึ้น”

“การกำหนดนโยบายของพรรคในรัฐธรรมนูญใหม่หินแน่นอน เพราะกติกาต้องการให้พรรคการเมืองอ่อนแอ และเหนื่อยในการทำงาน กติกาแบบนี้นักการเมืองเดือดร้อนไม่เดือดร้อนสำหรับตัวเอง แต่เดือดร้อนในแง่ที่อาสาชาวบ้านมาแก้ปัญหา แต่กลไกของรัฐธรรมนูญและยุทธศาสตร์ชาติไม่สามารถไปแก้ไขปัญหาได้ คนที่เหนื่อยมากคือคนที่รอรับการแก้ไขปัญหาจะไม่ได้รับการแก้ไขปัญหา เพราะรัฐบาลที่เลือกมาทำอะไรไม่ได้”

“ส่วนนโยบายประชานิยมที่พรรคเพื่อไทยเคยใช้ วันนี้ที่แม้เปลี่ยนชื่อว่าประชารัฐแล้วมีอะไรต่างกันนอกจากชื่อ ประชานิยมเป็นแค่วิธี แต่ถูกเนมว่าประชานิยม พรรคไทยรักไทยเอานโยบายมาแข่งขันกันแล้วจุดกระแสให้ทุกพรรคให้ความสำคัญนโยบายหลังการเลือกตั้งปี 2540 ทำให้ทุกพรรคสู้กันด้วยนโยบาย ไม่เช่นนั้นสู้กันด้วยเงินทอง นโยบายมีหลายด้านถูกเนมว่าประชานิยมแล้วพยายามสร้างว่าเป็นผลร้าย แต่การดำเนินการของพรรคการเมืองถ้าอยู่ในระบอบประชาธิปไตยสามารถตรวจสอบได้ ทำไปแล้วไม่ดีผิดพลาด ประชาชนก็ลงโทษได้ ไม่เลือกในครั้งหน้าได้ ประชาชนมีความรู้ อะไรที่กระทบต่อผลประโยชน์ทำมาหากินเขา ถ้านักการเมืองชั่วคิดร้ายทุจริตก็มีสิทธิที่จะไม่เลือก”

เป็นทรรศนะของ “คุณหญิงสุดารัตน์” ต่อสาธารณะ ท่ามกลางสปอตไลต์การเมืองว่า เธอคือคนที่จะมานำพรรคเพื่อไทยต่อไปหรือไม่