นายกฯประกาศเจตนารมณ์ขจัดทุจริตสิ้นแผ่นดินไทย ลั่นตนไม่เคยผิด เดินเชิดหน้าได้

นายกฯ ประกาศเจตนารมณ์ขจัดทุจริตสิ้นจากแผ่นดินไทยให้สำเร็จ ลั่นไม่เคยทำผิด เดินเชิดหน้าได้ ครวญทุกวันนี้ตื่นมาก็ผิดแล้ว ท่ามกลางครหามากมาย ขออย่าเหมารวม ต้องดูความผิด ยุติด้วยกระบวนการยุติธรรม

เมื่อ‪เวลา 19.00 น.‬ วันที่ 27 กันยายน ที่ห้องนภาลัย บอลรูม โรงแรมดุสิตธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ร่วมงานประกาศเจตนารมณ์ภาครัฐและเอกชนในการต่อต้านการให้สินบน ”รัฐเอกชนร่วมใจ ขับเคลื่อนธุรกิจไทยไร้สินบน” โดยพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้การต้อนรับ และมีรัฐมนตรี สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผู้นำภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ตลอดจนทูตานุทูต หอการค้า และผู้บริหารระดับสูงภาคเอกชนเข้าร่วม โดยภายในงานนายกฯได้กล่าวสุนทรพจน์ตอนหนึ่งว่า

วันนี้มาบรรยากาศเงียบสะงัด เดินเข้ามา เหมือนเป็นสถานกล่าวถ้อยแถลงที่เงียบบรรยากาศการจัดโต๊ะ เหมือนลูกขุน ผู้พิพากษา แต่ตนเดินมาด้วยความมั่นใจ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด เมื่อไม่ได้ทำอะไรผิด ก็เดินหน้าเชิดหน้าเข้ามาได้ แต่ถ้าทำผิดก็คงต้องเดินก้มหน้าเข้ามา หรือไม่มาตามคำรับเชิญ เจตนารมณ์ของตนตั้งใจตั้งแต่เข้ามาแล้ว จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาการทุจริตให้ได้ แม้วันนี้จะมีคำครหาต่างๆ มากกมาย ตนไม่เคยหยุดยั้งที่จะตรวจสอบ ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้ให้ทุกหน่วยงานมีอิสระในการตรวจสอบ และอำนวยความสะดวกให้ทุกประการ

นายกฯกล่าวว่า สิ่งที่อยากจะพูดไว้ตอนนี้คือ เราต้องสร้างความไว้เนื้อใจกับตัวเองให้ได้ก่อน ว่าตัวเองจะไม่ทุจริต และไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ขณะเดียวกันก็ต้องเร่งแก้ปัญหาระดับล่างให้ได้ แต่ตนคงไม่สามารถที่จะลงไปถึงในพื้นที่ได้ แต่ทุกคนมีสายบังคับบัญชาที่ชัดเจน ฉะนั้นต้องกำกับดูแลให้ได้ ซึ่งเราเห็นตัวอย่างมากมายจากการดำเนินคดี และถูกตัดสินในเรื่องนี้มากมาย ตนก็ระมัดระวังเต็มที่ กฎหมายหลายตัวต้องศึกษาเอง ว่าเขาผิดตรงไหน เป็นบทเรียนที่ต้องเรียนรู้ เพราะบางครั้งเราอาจไม่เจตนา รู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ก็เป็นปัญหาสำหรับการแก้ปัญหาประเทศ หรือการบริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงปัญหาที่มีหลายกลุ่มหลายฝ่าย ซึ่งไม่เข้าใจ มองภาพเพียงกันเป็นคนละภาพ เป็นปัญหาของทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย

วันนี้จากการพบปะ รมว.พาณิชย์สหรัฐอเมริกาเขายังเชื่อมั่นไว้วางใจไทย ในฐานะมิตรประเทศ ดังนั้นนโยบายต่างประเทศเราต้องยืนจุดที่สมดุลและต้องประกาศให้ต่างประเทศรู้ว่า จะขจัดการทุจริตหมดประเทศให้ได้ เราจะโทษกันไปมาอีกแล้วไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีความขัดแย้งอยู่เยอะเรื่องของกฎหมาย 3 ปีที่ผ่านมา ตนมุ่งมั่นตรวจสอบทุจริต ต้องปรับเปลี่ยนกฎหมาย และระเบียบจำนวนมาก แต่ปัญหาก็อยู่ที่การทำความเข้าใจกับประชาชน เนื่องจากระดับการรับรู้ไม่เท่ากัน ซึ่งตนได้ติดตามสถานการณ์การทุจริตอย่างใกล้ชิด และโดยพยายามให้ได้ข้อยุติตามกระบวนการยุติธรรม แต่วันนี้ต้องยอมรับโลกเปลี่ยนไป มีการนำเสนอข่าวเยอะขึ้น ประชาชนฟังข่าวจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง จนเป๋ไปเป๋มา แต่เราก็ห้ามไม่ได้

“จำเป็นต้องแสวงหาข้อเท็จจริงตามกฎหมายให้ได้ เพราะกฎหมายบังคับกับทุกคนอย่างเท่าเทียม มุ่งหวังทำให้เกิดความสงบสุข ไม่เช่นนั้นจะเอากฎหมายมาเป็นข้อขัดแย้ง ใช้เป็นเครื่องมือทำลายซึ่งกันและกัน ซึ่งผมไม่เคยคิดแบบนั้น รัฐธรรมนูญกำหนดให้ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่เมื่อผ่านกระบวนการยุติธรรมไปแล้ว จึงตัดสินได้ว่ามีความผิด แต่วันนี้ผมเหมือนผิดตั้งแต่ในมุ้ง ตื่นมาก็ผิดแล้ว จึงต้องแยกแยะให้ออกว่าสิ่งที่ฟังและทำเป็นอย่างไร บางทีผมพูดก็ไม่ค่อยฟังเพราะเบื่อผม เมื่อผมขึ้นมาอยู่ตรงนี้ก็ต้องเชื่อมั่นผม ต้องทำให้ทุกอย่างสำเร็จ” นายกฯกล่าว

วันนี้คนไทยมักแบ่งหน้าที่กันเป็นส่วนๆ แต่ไม่เข้าใจในภาพรวม เมื่อไม่เข้าใจภาพรวมก็ตัดสินกันเองว่าผิดกันทั้งหมด ความผิดมีอยู่แล้วแต่ต้องดูให้ออกผิดอย่างไร ลงโทษอย่างไร ไม่ใช่เหมารวมทั้งหมด ที่ตนพูดไม่ได้แก้ตัว และยืนยันตั้งใจประกาศเจตนารมณ์รัฐบาลว่าประเทศไทยต้องแก้ปัญหาทุจริตให้ได้ ไม่ว่าจะทั้ง 2 ข้างหรือจะ 3 ข้าง 4 ข้าง

 

 

ที่มา : มติชนออนไลน์