6 พรรคฝ่ายค้าน ร่วมแถลงสนับสนุน นักศึกษาชุมนุมใหญ่ 19 ก.ย. นี้

6 พรรคฝ่ายค้าน สนับสนุนการชุมนุม 19 ก.ย.

6 พรรคฝ่ายค้าน ออกแถลงการณ์สนับสนุน การชุมนุมใหญ่ที่ ม. ธรรมศาสตร์ วันที่ 19 ก.ย. นี้ พร้อมเสนอ 3 ข้อเรียกร้อง ขอให้ “ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองใจกว้าง” เปิดพื้นที่ปลอดภัยเพื่อหาทางออกร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 ก.ย.) ที่รัฐสภา แกนนำ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมแถลงเรียกร้องเรื่อง สิทธิเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน และการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ‬

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ ซึ่งระบุถึงสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของประเทศ ที่เข้าสู่ภาวะวิกฤตจากการบริหารที่ผิดพลาดและไร้ประสิทธิภาพ ไร้ขื่อแปในการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน สร้างสังคมที่มีแต่ความขัดแย้ง และสร้างรัฐธรรมนูญที่ก่อให้เกิดสารพัดปัญหา จนนำไปสู่ทางตันของประเทศในปัจจุบัน

แถลงการณ์ระบุว่า ภาวะดังกล่าวนำมาสู่กระแสเรียกร้องของนักเรียน นักศึกษา และประชาชน ทุกเพศทุกวัยในวงกว้าง ซึ่งได้นัดชุมนุมใหญ่‪ในวันเสาร์ที่‬ ‪19 ก.ย.นี้ โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านขอแถลงจุดยืน ดังต่อไปนี้

ข้อที่ 1. พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่า การแสดงออกและการเรียกร้องของนักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชนภายใต้กรอบกฎหมาย เป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่ถูกต้องและสามารถกระทำได้ รัฐบาลต้องคุ้มครองและอำนวยความสะดวกให้การแสดงออกดังกล่าวเป็นไปได้อย่างเสรี

รัฐบาลต้องเปิดพื้นที่สาธารณะที่ปลอดภัยในการแสดงออกของประชาชน โดยปราศจากการคุกคาม แทรกแซง ให้ร้าย และด้อยค่าการแสดงออกดังกล่าว รัฐบาลต้องไม่ทำลายความคิดเสรีของนักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชน ด้วยการใช้เครื่องมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้กฎหมายที่บิดเบือนข้อเท็จจริง การนิ่งเฉยปล่อยให้มีการใช้ความรุนแรง

การใช้อาวุธสลายการชุมนุม และกักขังหน่วงเหนี่ยว เป็นต้น ทั้งนี้ข้อเรียกร้องต่างๆ ของนักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชนควรจะต้องมีการนำไปสู่การพิจารณาด้วยความพินิจพิเคราะห์ถึงข้อดี ข้อเสีย ความเหมาะสมอย่างละเอียดถี่ถ้วนและเป็นธรรม ทั้งนี้เพื่อเป็นการร่วมกันหาทางออกที่เหมาะสมให้กับสังคมไทย

ข้อที่ 2. หนึ่งในข้อเรียกร้องที่สำคัญของนักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชนในวงกว้าง คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นผลจากการสืบทอดอำนาจและความต้องการรักษาอำนาจของ คสช. เป็นเหมือนมะเร็งร้ายที่กัดกร่อนทำลายประเทศชาติ และนำพาประเทศมาสู่ทางตัน ไร้หนทางออก

พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ร่วมกันผลักดันร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ที่เสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาใน‪วันที่‬ ‪23-24 ก.ย.‬63 ซึ่งสนับสนุนให้มี ส.ส.ร.เพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

โดยที่ ส.ส.ร.ทั้งหมดต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของพี่น้องประชาชน เพื่อนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพื่อปลดล็อกประเทศจากทางตันในปัจจุบัน พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าหาก ส.ส.ร. มิได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง จะเป็นช่องทางให้คนเฉพาะบางกลุ่มหรือฝ่ายผู้มีอำนาจสามารถเข้ามาแทรกแซงและบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนได้

ข้อที่ 3. พรรคร่วมฝ่ายค้านขอเรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภาร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับอำนาจของสมาชิกวุฒิสภา โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 272 ต้องถูกยกเลิก

พวกเราเรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภาเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ ร่วมมือกับทุกภาคส่วนในสังคมหาทางออกให้ประเทศ เพื่อทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยให้มากที่สุด และสามารถสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนได้ตรงตามความเป็นจริงที่สุด เพื่อยุติความขัดแย้งที่นับวันจะขยายตัวไม่มีที่สิ้นสุด

นายสมพงษ์ ยังได้กล่าวว่า พรรครวมฝ่ายค้านนั้นเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา เพราะถือว่าเป็นสิทธิที่จะดำเนินการในแนวทางประชาธิปไตย ซึ่งการดำเนินการนี้ต้องยอมรับว่า เขาดำเนินการโดยปราศจากอาวุธ ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาใดๆทั้งสิ้น

ผู้นำฝ่ายค้านระบุว่า ตนเป็นห่วงว่าฝ่ายผู้มีอำนาจจะทำให้เกิดเป็นปัญหา ส่วนนิสิต นักศึกษา และประชาชน ตนเชื่อว่าไม่มี เขาไปโดยปราศจากอาวุธ และต้องการดำเนินการให้เป็นประชาธิปไตยโดยแท้จริง เมื่อถามว่ากลุ่มนักศึกษาได้มีการพูดถึงการปฏิรูปสถาบันด้วย นายสมพงษ์ กล่าวว่า นั่นคือสิ่งที่เขาคิดว่าเขาทำได้

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า หลังจากที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตัดสินใจที่จะปิดมหาวิทยาลัย เพื่อไม่ให้นิสิตนักศึกษาไปแสดงออกเพี่อการสนับสนุนประชาธิปไตยนั้น จึงทำให้เรื่องนี้เป็นตราบาปของสถาบันการศึกษาของชาติที่มีการส่งเสริมประชาธิปไตยตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นผู้บริหารจึงต้องทบทวนให้ดี เพราะมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่ใช่ของผู้บริหาร หรือรัฐบาล แต่เป็นของประชาชน

ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “คนหน้าเดิม” เป็นผู้ชักใยการชุมนุมครั้งนี้ว่า “อยากรู้เหมือนกันว่าคนหน้าเดิมที่ว่านั้นคือใคร” พร้อมส่งข้อความถึงเจ้าหน้าที่และผู้ใหญ่ในสังคม

“เราอยากเห็นทุกฝ่ายช่วยกันหาพื้นปลอดภัยให้นักศึกษา และประชาชน ภายใต้กรอบของกฎหมาย ตนอยากให้ผู้ใหญ่ทุกคนที่เกี่ยวข้องใจกว้าง เราเชื่อว่าเรื่องหลักที่เด็กๆ พูด คือเขาอยากสร้างอนาคตของเขา ให้เขามีส่วนร่วม เพราะเขาต้องเดินไปในอนาคตวันข้างหน้า” นายภูมิธรรมกล่าสว

“เราในฐานะผู้ใหญ่ ควรเปิดโอกาสที่จะแสวงหาทางออกร่วมกันกับเขา หวังว่าเราจะช่วยกัน เพราะเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะร่วมกันหาทางออกที่ดี”

ด้าน นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การที่นักเรียนนักศึกษาได้พูดถึงระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง เพราะพวกเขาเติบโตมาในภายใต้สถานการณ์ที่มีการยกเรื่องสถาบันฯ เข้ามาโจมตีกัน กระทั่งเป็นเงื่อนไขในการต่อต้านและล้มล้างรัฐบาล รวมถึงการรัฐประหาร 2 ครั้งที่ผ่านมา ก็เป็นการกระทำที่กล่าวอ้างว่าเข้ามาเพื่อปกป้องสถาบันฯ และหลังการรัฐประหารก็ยังมีการนำประเด็นสถาบันเข้ามากล่าวหาฝ่ายที่ต่อสู้เรียกร้องเพื่อประชาธิปไตย

“ฝ่ายต่างๆ ที่เคยหยิบยกเอาประเด็นสถาบันฯ เข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง ทั้งผู้นำรัฐประหาร ผู้นำกองทัพ เป็นคนที่ต้องรับผิดชอบว่าสังคมไทยจะหาทางออกอย่างไรกับปมเงื่อนที่พวกเขาได้ผูกไว้และโตมากขึ้น” นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช ย้ำว่าปัญหาการดึงสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองนั้นมีมานาน และมีหลายฝ่ายเคยกล่าววิพากษ์วิจารณ์ตักเตือนด้วยความหวังดีตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ นักกิจกรรมทางการเมือง พรรคการเมือง นักสิทธิมนุษยชน

“แทนที่จะสำนึกและหาทางคลี่คลาย กลับผูกปมเงื่อนให้ใหญ่ขึ้น เรายังเห็นกระบวนการพยายามกล่าวหาป้ายสีโจมตีกลุ่มต่างๆ ว่าต้องการล้มล้างสถาบันมากขึ้นไปอีก เพื่อแก้ปัญหาให้รัฐบาล เพื่อหวังว่าจะลดแรงกดดันให้รับบาล นี่เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเลย แทนที่จะผูกปมก็ควรต้องหาทางคลี่คลาย และคนที่มีส่วนผูกปมเงื่อนนี้ต้องรับผิดชอบ”