สถาบันพระปกเกล้า รับลูกรัฐสภา ชงกรรมการปรองดอง แก้วิกฤตม็อบราษฎร

วุฒิสาร ตันไชย
วุฒิสาร ตันไชย

“วุฒิสาร ตันไชย” เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ไม่ยื้อเวลา ออกแบบโครงสร้างและรูปแบบวิธีการทำงานของคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ ยันต้องมีพื้นที่ให้ทุกฝ่าย

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2563 ที่สถาบันพระปกเกล้า นายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือร่วมกับนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิของสถาบันพระปกเกล้า เพื่อออกแบบโครงสร้างและรูปแบบวิธีการทำงานของคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ ตามที่ได้รับมอบหมายจาก นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานสถาบันพระปกเกล้าว่า สถาบันพระปกเกล้ามีหน้าที่หาคำตอบให้กับสภาเท่านั้น ไม่ได้เป็นฝ่ายดำเนินการ

ขณะนี้อยู่ระหว่างคิดค้นโครงสร้างที่เหมาะสม โดยจะเสนอให้เห็นว่าโครงสร้างแต่ละโครงสร้างมีข้อดีข้อเสีย และข้อจำกัดอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะโครงสร้างกรรมการปรองดองในอดีต รวมถึงข้อห่วงใยของสถาบันพระปกเกล้า

และข้อเสนอที่เกิดขึ้นจากการอภิปรายหาทางออกร่วมกันของรัฐสภาเมื่อวันที่ 26-27 ตุลาคมที่ผ่านมาว่ามีอะไรบ้าง ก่อนจะรวบรวมเสนอต่อประธานรัฐสภา อย่างเร็วสุดในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ ยอมรับว่าเงื่อนไขการตั้งคณะกรรมการปรองดองครั้งนี้ ยังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการไปถึงจุดไหนอย่างไร อะไรที่เป็นเนื้อหาที่ต้องเอามาพูดคุยบ้าง ส่วนโครงสร้างกรรมการชุดนี้จะมีองค์ประกอบใดบ้าง เป็นเรื่องที่ประธานรัฐสภาต้องกลับไปหารือผู้เกี่ยวข้อง สถาบันพระปกเกล้ามีหน้าที่เสนอทางเลือกต่าง ๆ ให้เท่านั้น

นายวุฒิสาร กล่าวถึงการนำรูปแบบการตั้งคณะกรรมการปรองดองในอดีตมารวบรวมเป็นข้อเสนอว่า ที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการลักษณะนี้แล้วหลายครั้ง เช่น คณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชุดที่มี นายดิเรก ถึงฝั่ง เป็นประธาน

คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มี นายคณิต ณ นคร เป็นประธาน หรือคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ที่มี นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน ซึ่งจะทำให้เห็นได้ว่าการทำงานของแต่ละคณะ มีบรรยากาศและสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกัน เพื่อให้เห็นเงื่อนไขในแต่ละด้าน

“สถานการณ์ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องมีพื้นที่ให้แต่ละฝ่ายได้รับฟังกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ไม่บอกเปิดเผยเนื้อสาระ โดยขอให้ฟังการชี้แจงของนายชวน ยืนยันว่าการรวบรวมทางออกครั้งนี้ ไม่ได้รวบรวมจากงานของสถาบันพระปกเกล้าเท่านั้น แต่รวมถึงประสบการณ์ที่เป็นประวัติศาสตร์ที่แต่ละรัฐบาลมีมาด้วย ขอให้ทุกฝ่ายสบายใจว่าไม่ได้ช้า อย่างน้อยสถาบันฯมีความพยายามตั้งใจทำงานตามที่ได้รับมอบหมายด้วยความรอบคอบ ไม่ใช่หน่วยงานที่ไปซื้อเวลา”

นายวุฒิสาร ยอมรับว่า มีความกดดันแน่นอน แต่ตนคิดว่าเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายและทุกคนที่จะต้องทำให้เกิดอนาคตที่อยู่ร่วมกันได้ ความขัดแย้งเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้สิ่งสำคัญต้องทำให้ทุกฝ่ายต้องใช้ความอดทน สติ และระงับไม่ให้เกิดความรุนแรง เราต้องช่วยป้องกันไม่ให้ประสบการณ์ในอดีตเกิดซ้ำ อะไรที่รีบทำได้ก็ควรรีบทำเพื่อให้เกิดความชัดเจนและมั่นใจทุกฝ่าย แต่ความยากคือการสร้างความมั่นใจของทุกฝ่ายว่าจะเกิดความเชื่อมั่นได้อย่างไร