ประยุทธ์เผยความรู้สึกหลังลุยน้ำท่วม จ.ชัยภูมิ เชื่อครั้งนี้ไม่เหมือนอดีต

ประยุทธ์

“ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เผยความรู้สึกลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัย จ.ชัยภูมิ จังหวัดบ้านเกิดมารดา สั่งทุกหน่วยงานเร่งระบายน้ำ ดูแลประชาชนให้มากที่สุด เชื่อน้ำท่วมครั้งนี้ ไม่เหมือนในอดีต 

วันที่ 30 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ระบุว่า เมื่อตนได้รับรายงานว่า จังหวัดชัยภูมิ เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม

ตนจึงไม่รอช้าที่จะเดินทางลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์เมื่อวานนี้ (29 ก.ย.) เพื่อให้กำลังใจพี่น้องประชาชนชาวชัยภูมิ รวมถึงมอบนโยบายให้ทางจังหวัดเร่งรัดแก้ไขสถานการณ์อย่างเต็มที่

แม้ว่าตนจะใช้เวลาไม่นานนัก แต่ส่วนตัวก็มีความรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้กลับมาที่ชัยภูมิ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของคุณแม่ของตน ตนจึงเดินทางมาด้วยความห่วงใย และได้มาเห็นปัญหาที่ยังมีอีกมากที่ต้องจะต้องเร่งแก้ไขให้สำเร็จ ทั้งเรื่องปัญหาน้ำท่วม รวมไปถึงการพัฒนาจังหวัดหลังจากน้ำท่วมคลี่คลายลงแล้วด้วย

สิ่งหนึ่งที่ตนรู้สึกได้จากทุก ๆ ครั้งที่ลงพื้นที่ นั่นคือการได้เห็นพี่น้องคนไทยจำนวนมากที่ประสบภัย แต่สามารถปรับตัวตามสถานการณ์ได้ ทุกคนยังมีรอยยิ้ม ซึ่งเป็นรอยยิ้มของนักสู้ ที่สร้างกำลังใจให้แก่กัน

ทั้งที่เจตนาแรกเริ่มของตนคือการเดินทางไปปลอบขวัญผู้ประสบภัยถึงพื้นที่ แต่ตนเองกลับได้รับกำลังใจกลับคืนมาทุกครั้ง ตนจึงขอส่งต่อกำลังใจและสิ่งดี ๆ เหล่านั้น ไปสู่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และอาสาสมัครทุกคนในพื้นที่ โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ที่ถือว่าต้องแบกรับภาระเพิ่มเป็นสองเท่า ทั้งโควิด ทั้งน้ำท่วม

ใจจริงแล้ว ตนอยากจะลงพื้นที่ไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด เพราะตนทราบดีว่าทุกวินาทีคือความทุกข์ยากของพี่น้องร่วมชาติ แม้ว่าในบางพื้นที่ตนอาจจะยังไม่ได้ลงไป แต่ก็มีความห่วงใยอยู่เสมอ และได้ติดตามวิกฤตน้ำท่วมอย่างใกล้ชิด

ตนได้สั่งการให้รายงานสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะได้สั่งการผ่านกลไกในระดับรัฐบาล ลงไปยังระดับท้องถิ่น สนับสนุนการแก้ปัญหาของแต่ละพื้นที่ ให้ดูแลพี่น้องผู้ประสบภัยอย่างทั่วถึง จนกว่าน้ำจะลด แล้วเข้าสู่การเยียวยา และฟื้นฟูต่อไป

จากการที่ตนได้ลงไปติดตามสถานการณ์ในหลายพื้นที่ พบว่าโดยภาพรวมแล้วยังอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถรับมือได้ ปัจจัยหนึ่งเป็นเพราะแต่ละจังหวัด ได้มีการดำเนินการตามแผนรับมืออุทกภัยระดับประเทศ ที่ ครม.ได้กำหนดไว้เมื่อเดือน มิ.ย. สำหรับหน้าฝนปีนี้ ซึ่งมี 10 มาตรการ คือ

1. คาดการณ์ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและฝนทิ้งช่วง โดยจะมีการประเมินพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยและพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ เพื่อเตรียมแผนในเชิงป้องกันล่วงหน้า

2.การบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อรองรับน้ำหลาก รวมทั้งการจัดทำแผนการชดเชยให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการผันน้ำเข้าทุ่ง

3.ทบทวน ปรับปรุงเกณฑ์บริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่-กลางและเขื่อนระบายน้ำ โดยติดตามสถานการณ์น้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่-กลาง เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการบริหารจัดการน้ำรวมทั้ง จัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำแหล่งน้ำขนาดใหญ่-กลางในช่วงภาวะวิกฤติ

4.ซ่อมแซมปรับปรุงอาคารชลศาสตร์ ระบบระบายน้ำสถานีโทรมาตรให้พร้อมใช้งาน โดยตรวจสอบสภาพความมั่นคง และซ่อมแซมอ่างเก็บน้ำ อาคารควบคุมบังคับน้ำ รวมทั้งระบบระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง

5.ปรับปรุงแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ สำรวจ และดำเนินการกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำที่เกิดจากการก่อสร้างและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการปรับปรุงคูคลอง เพื่อเพิ่มพื้นที่รับน้ำ และระบายน้ำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

6.ขุดลอกคูคลองและกำจัดผักตบชวา กำจัดวัชพืชในแม่น้ำ และคูคลอง ทั่วประเทศด้วยการบูรณาการเครื่องจักรเครื่องมือในการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชของทุกหน่วยงาน

7.เตรียมพร้อมและวางแผนเครื่องจักรเครื่องมือ ประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและฝนน้อยกว่าค่าปกติ เตรียมพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและเข้าช่วยเหลือได้ทันสถานการณ์ ตลอด 24 ชั่วโมง

8.เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและปรับปรุงวิธีการส่งน้ำ วางแผนการจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุน และส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

9.การสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์

10.ติดตามประเมินผลปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัย

ดังนั้นตนจึงขอให้ทุกพื้นที่ ดำเนินการตาม 10 มาตรการนี้ให้ได้มากที่สุด เพื่อเตรียมการและลดความเสี่ยงจากอุทกภัย ทั้งในปีนี้และปีต่อ ๆ ไปด้วย

จากการประเมินสถานการณ์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากไม่มีพายุเข้ามาอีก น้ำท่วมขังจะค่อย ๆ ลดลงจนหมดภายใน 10-15 วัน

ตนได้สั่งการย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ว่าฯทุกจังหวัดที่ประสบเหตุ ได้เร่งระบายน้ำอย่างเต็มที่ รวมทั้งการเข้าไปดูแลประชาชนที่ประสบภัยให้ได้มากที่สุด

นอกจากนี้ ยังได้ทำการประเมินความเสี่ยง เพื่อวางแผนรับมือสำหรับจังหวัดในเขตพื้นที่ตอนล่าง รวมถึงกรุงเทพและปริมณฑลไว้ด้วย ซึ่งจากแผนเผชิญเหตุและการเตรียมพร้อมล่วงหน้าของเราในปีนี้ ตนจึงเชื่อว่าสถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ จะไม่เหมือนกับวิกฤตในอดีตที่ผ่านมา