10 ปี เอพี+มิตซูบิชิ เอสเตท ต้นแบบ JV ที่เชื่อใจกันและกันในทุกมิติ

เอพี ไทยแลนด์ + มิตซูบิชิ เอสเตท

10 ปีของดีล JV-joint venture ยักษ์อสังหาริมทรัพย์ 2 แผ่นดิน ที่เวียนมาครบรอบในปี 2566

ระหว่าง “บมจ.เอพี ไทยแลนด์” กับองค์กร 130 ปีจากประเทศญี่ปุ่น “บมจ.มิตซูบิชิ เอสเตท”

“ทรัสต์คือหัวใจ ความไว้ใจคือหัวใจของจอยต์เวนเจอร์ ถ้าเราไม่สามารถทรัสต์พาร์ตเนอร์ได้แล้ว อย่าทำ เพราะสุดท้ายมันจะทำให้ธุรกิจล่มสลาย” คำกล่าวของ “อนุพงษ์ อัศวโภคิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอพี ไทยแลนด์

ในโอกาสฉลองความร่วมมือพันธมิตรธุรกิจ 10 ปีแรก มีการประกาศโรดแมปที่จะก้าวสู่ทศวรรษที่ 2 “From Strength to Strength” โดยมีคีย์ซักเซสดันดีลธุรกิจยั่งยืน มากกว่าเรื่องของผลตอบแทน แต่คือแนวทางการทำธุรกิจที่เชื่อใจกันและกันในทุกมิติ

24 โครงการ 1.16 แสนล้านบาท

ย้อนกลับไปปีเริ่มต้น 2557 ดีลเจวีเริ่มต้นวันแรกด้วยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน “บริษัท พรีเมี่ยม เรสซิเดนซ์ จำกัด” ทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท เอพีถือหุ้น 51% และมิตซูบิชิ เอสเตท ถือหุ้น 49%

ปีล่าสุด 2566 ทุนจดทะเบียนบริษัทร่วมทุนเพิ่มขึ้นเป็น 12,619,408,010 บาท หรือ 12,619 ล้านบาท เติบโต 12 เท่าของปีเริ่มต้น

ด้วยทุนจดทะเบียนก้อนมหึมานี้ “ยูจิ โอกาโมโต” กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) จำกัด ย้ำจุดยืนร่วมทุนกับเอพีว่า “…อยากทำธุรกิจกันต่อไปอย่างต่อเนื่อง และยาวนาน ทำร่วมกันมากขึ้นไปเรื่อย ๆ”

ทั้งนี้ 10 ปีร่วมทุนดังกล่าว พัฒนาร่วมกันแล้ว 24 โปรเจ็กต์ มูลค่ารวม 116,300 ล้านบาท ปิดการขาย (sold out) ไปแล้ว 13 โครงการ อยู่ระหว่างการพัฒนาและเปิดขาย 11 โครงการ มูลค่า 55,650 ล้านบาท มียอดขายเฉลี่ย 60% มูลค่าสินค้าพร้อมขาย 20,375 ล้านบาท

“ริทึ่ม เจริญนคร ไอคอนิก”

ไฮไลต์ช่วงครึ่งปีหลัง 2566 “นางสาวกมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม” รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม บมจ.เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า โครงการมาสเตอร์พีซที่เป็นไฮไลต์แรก เตรียมเปิดโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ พร้อมเข้าอยู่ใหม่ 26-27 สิงหาคมนี้

แบรนด์ “The ADDRESS สยาม-ราชเทวี” มูลค่าโครงการ 8,600 ล้านบาท บนที่สุดของทำเลที่ดินผืนงามใจกลางมหานคร เพียง 150 เมตรจากรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี ห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน 35 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 8.29 ล้านบาท

RHYTHM Charoennakhon Iconic

ไฮไลต์ที่สองเตรียมเปิดพรีเซลในเดือนพฤศจิกายนนี้ “RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิก” บนที่ดิน 4 ไร่ มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท ริมถนนเจริญนคร ตรงข้ามไอคอนสยาม เพียง 100 เมตรจากรถไฟฟ้าสายสีทอง สถานีเจริญนคร ตอบโจทย์ดีมานด์ลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์ ราคาเฉลี่ย 1.7-1.8 แสนบาท/ตารางเมตร

พัฒนาภายใต้แนวคิด Super Condominium ผ่าน 3 มิติหลัก 1.Super Design โดดเด่นทุกองค์ประกอบทั้งสเปซฟังก์ชั่น และดีไซน์ไร้กาลเวลา 2.Super Radius บนไพรมแอเรียประชิดโกลบอล เดสติเนชั่น อย่างไอคอนสยามที่เป็นไลฟ์สไตล์ระดับโลก 3.Super Blue Chip ที่นำอัตลักษณ์ของย่านเจริญนครมาสร้างเป็นแลนด์มาร์กใหม่ในอนาคต

ประทับใจ “สปีดการทำงาน”

“ยูจิซัง” เปิดแผนลงทุนภาพใหญ่ของมิตซูบิชิ เอสเตท ถึงปี 2573 ลงทุนตกปีละ 2-2.5 แสนล้านเยน แบ่งภูมิภาค ดังนี้ สหรัฐอเมริกา 46% ยุโรป+อังกฤษ 27% เอเชียทั้งหมด ไทยรวมอินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย จีน ไต้หวัน 27%

โฟกัสดีลเจวีในไทย ประเมินว่า เทรนด์เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ มีดีมานด์ประชากรทำงานจำนวนมาก ตลาดคอนโดฯจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง โดยเฉพาะ end user คาดว่าน่าจะกลับมาคึกคักแน่นอน

“อยากให้มีความร่วมมือมากขึ้นไปอีก ทั้งในแง่ของทางธุรกิจ การส่งมอบโนว์ฮาว และส่งต่อความรู้ต่าง ๆ ร่วมกัน ประกอบกับเมืองไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ในญี่ปุ่นเข้าสู่สังคมประชากรสูงวัยนานแล้ว ทางมิตซูบิชิ เอสเตท มีการทำเกี่ยวข้องกับเอลเดอร์โฮม เนิร์สซิ่งโฮมต่าง ๆ สามารถนำไปต่อยอดที่ประเทศไทยได้ด้วย หลังจากนี้ไม่ได้เป็นการทำที่อยู่อาศัยสำหรับคนทั่วไปเพียงอย่างเดียว แต่จะทำที่อยู่อาศัยสำหรับคนสูงอายุด้วย”

ตลอด 10 ปี สิ่งที่ค้นพบคือ ตลาดเมืองไทยกับญี่ปุ่น มีจุดร่วมที่เหมือนกันหลายอย่าง ขณะเดียวกันได้ศึกษาความแตกต่างระหว่างตลาดไทยกับญี่ปุ่น โดยเฉพาะความต้องการของลูกค้า

“สิ่งหนึ่งที่ประทับใจจากการทำงานร่วมกับเอพี สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว มองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว พอตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ก็เลยทำให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว คิดว่าความรวดเร็วในการดำเนินงานเป็นเรื่องน่าประทับใจ”

คีย์ซักเซสร่วมทุน “ความเชื่อใจ”

สำหรับ key success factor ที่ทำให้ดีลพันธมิตรธุรกิจร่วมทุนประสบความสำเร็จและยั่งยืนนั้น

“อนุพงษ์” เล่าให้ฟังว่า เอพีเคยมีอดีตกรรมการท่านหนึ่งชื่อ “พงศ์ สารสิน” ซึ่งครอบครัวสารสินร่วมทุนกับญี่ปุ่นในประเทศไทยเยอะมาก ได้ให้โอวาทไว้ว่า การทำธุรกิจร่วมทุนกับญี่ปุ่น สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องตรงไปตรงมา ซึ่งเมื่อพลิกประวัติศาสตร์องค์กร 130 ปีของมิตซูบิชิกรุ๊ป ก่อตั้งก่อนยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 วัฒนธรรมองค์กรร้อยปีที่ยึดมั่น ถือมั่น คือเรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจกันได้

“ทรัสต์คือหัวใจ ความไว้ใจคือหัวใจของจอยต์เวนเจอร์ ถ้าเราไม่สามารถทรัสต์พาร์ตเนอร์ได้แล้ว อย่าทำ เพราะสุดท้ายมันจะทำให้ธุรกิจล่มสลาย ถ้าไม่ทรัสต์กัน อันนี้คือมุมที่ท่านพงศ์สอนไว้ เราก็ทำอย่างที่ท่านสอนไว้ นี่คือผมเรียกว่าเป็นแกนของการร่วมทุน ไม่ใช่เฉพาะจอยต์เวนเจอร์กับมิตซูบิชิ เอสเตท แต่เป็นแกนของการเป็นพาร์ตเนอร์กับใครก็ตาม”

ตัวแบบ JV ของทั้งสองบริษัท ถือว่าหาไม่ง่ายนักที่จะมีการตั้งบริษัทร่วมทุนอยู่ในประเทศไทย โดยบอร์ดร่วมทุนมีกำหนดประชุมไตรมาสละครั้ง หรือปีละ 4 ครั้ง แต่จะมี 1 แมตช์ที่ประชุม ณ เมืองโตเกียว

ลึกไปยิ่งกว่านั้น โนว์ฮาวการพัฒนาโครงการทุกมิติ ทางมิตซูบิชิ เอสเตท สามารถเดินเข้าไปดูได้ทุกแผนก ประชุมมาร์เก็ตติ้ง ประชุมเซลส์ บัญชี-การเงิน จัดซื้อที่ดิน ฯลฯ

ทอนกลับมาเป็นความรู้สึกดี ๆ ที่หยั่งรากลึกในความสัมพันธ์ “ยูจิซัง” กล่าวว่า สิ่งสำคัญในการร่วมมือให้ประสบความสำเร็จคือทรัสต์ ความเชื่อใจกัน ความร่วมมือกัน และการเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เราทำงานร่วมกันโดยตลอด และก็จะทำสิ่งเหล่านี้ไปเรื่อย ๆ และทำให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ

“เมื่อก่อน มิตซูบิชิ เอสเตท ไม่แน่ใจว่ากฎหมายเมืองไทยเป็นยังไง ทำบัญชีเป็นยังไง ก็เลยมีความที่อยากจะขอถามรายละเอียดไปซะทั้งหมดในทุก ๆ เรื่อง ที่ถามไปไม่ใช่เพราะไม่เชื่อใจ แต่เป็นเพราะไม่รู้ เพื่อที่จะทำความเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นที่เมืองไทย ก็เลยจำเป็นจะต้องถามละเอียด ซึ่งตอนนั้น เอพียินดีที่จะบอกทั้งหมด ให้ดูข้อมูลทั้งหมดที่ญี่ปุ่นสงสัย ทำให้รู้สึกว่าเป็นรูปแบบของการดำเนินการไปด้วยกันที่ดี ซึ่งทำให้หลังจากนี้ก็รู้สึกดีใจมากที่จะได้ทำธุรกิจร่วมกันไปข้างหน้าอีก”

พอผ่านจุดตรงนั้นไปได้ ความสัมพันธ์ของมิตซูบิชิ เอสเตท กับเอพี ก็เต็มไปด้วยความเข้าใจ เมื่อใดที่มีความคิดเห็นก็พร้อมจะบอกกันอย่างตรงไปตรงมา ทำให้มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน และทำงานด้วยกันได้เป็นอย่างดี

จึงเป็นแนวทางที่คิดว่าจะทำให้การทำงานร่วมกัน ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นไปอีก