แสนสิริย้ำแบรนด์เจ้าตลาดคอนโด เปิดเกมรุกตุน RTM 10,000 ล้านรับไฮซีซั่น

แสนสิริ

รัฐบาลใหม่จัดตั้งเสร็จเรียบร้อย ความเชื่อมั่นมาเต็ม

ปี 2566 เหลือเวลาทำการบ้านธุรกิจอีก 4 เดือนจะครบปี ค่ายแสนสิริ กดคันเร่งการลงทุนรอบใหม่ในตลาดคอนโดมิเนียม

หนึ่งในไฮไลต์แผนธุรกิจอยู่ที่การเตรียมความพร้อมสต๊อกพร้อมอยู่ หรือ RTM-ready to move ด้วยการเบ่งสต๊อกจาก 7,300 ล้านบาท เพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท เพื่อรองรับกำลังซื้อไฮซีซั่นในช่วงปลายปี

เป็นแผนธุรกิจคอนโดฯในท่วงทำนอง “น้ำขึ้นให้รีบตัก” และ “เสือปืนไว” เพื่อรักษาสถานะความเป็นเจ้าตลาดคอนโดฯ ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ไว้อย่างเหนียวแน่น

ตุนห้องชุดพร้อมอยู่รับไฮซีซั่น

โดยมี key person “องอาจ สุวรรณกุล” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

“ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลัง 2566 ต่อเนื่องถึงปี 2567 แสนสิริเตรียมพร้อมพัฒนาคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่อง ทั้งเซ็กเมนต์ลักเซอรี่ แคมปัสคอนโดฯและคอนโดฯราคาเข้าถึงง่าย หรือ affordable บนทำเลศักยภาพ ครอบคลุมย่าน CBD ทำเลคอมมิวนิตี้ ใกล้สถานศึกษา ใกล้แหล่งงาน ทั้งในกรุงเทพฯ และตลาดต่างจังหวัดหัวเมืองหลัก หัวเมืองท่องเที่ยว เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมและดีมานด์ลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติที่จะเพิ่มขึ้น จากอานิสงส์ของการเติบโตเศรษฐกิจประเทศในภาพรวม”

เปิดหน้าไพ่ด้วยตัวเลขแบบรัว ๆ แสนสิริประกาศความสำเร็จในเชิงสถิติเริ่มต้นจากสต๊อกห้องชุด RTM 8 เดือนแรกปี 2566 อยู่ที่ 7,300 ล้านบาท ลดลง -43% เมื่อเทียบกับสต๊อกช่วงเดียวกันปี 2565 ที่มีจำนวน 11,000 ล้านบาท

นำมาสู่ไฮไลต์การเตรียมความพร้อมในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้

“ในช่วงหลังจากนี้ เราพร้อมรุกหน้าเต็มสูบ ประกาศแผนคอนโดมิเนียมครึ่งหลังปี 2566 เพื่อดันระดับ stock ของยูนิตสร้างเสร็จพร้อมขายให้อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท เพื่อให้เพียงพอในการรับรู้รายได้ พร้อมเตรียมรับสถานการณ์เศรษฐกิจขาขึ้น และการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัว”

องอาจ สุวรรณกุล
องอาจ สุวรรณกุล

8 เดือนขายทะลัก 1.3 หมื่นล้าน

สำหรับการประเมินช่วงครึ่งปีแรก 2566 ยังเป็นปีที่ท้าทายสำหรับแสนสิริ จากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และปัจจัยรอบด้านทั้งภาวะดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น

โดยตอนต้นปีที่ผ่านมา แสนสิริประกาศแผนเปิดตัวโครงการใหม่ (projects launch) ปีนี้ จำนวน 22 โครงการ มูลค่ารวม 24,300 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตก้าวกระโดดถึง 151% เมื่อเทียบกับแผนเปิดโครงการใหม่ในปี 2565 ที่มีจำนวน 15 โครงการ มูลค่ารวม 9,700 ล้านบาท

โดยตั้งเป้าสร้างยอดขาย (presale) จำนวน 22,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตของเป้ายอดขายที่ 40% เทียบกับเป้ายอดขายปี 2565 ที่ตั้งไว้จำนวน 16,000 ล้านบาท

อัพเดต 8 เดือนแรก (มกราคม-สิงหาคม 2566) แสนสิริสร้างยอดขายคอนโดฯแล้ว 13,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 60% ของเป้ายอดขาย 22,000 ล้านบาท

และเมื่อเทียบกับ 8 เดือนแรกปี 2565 ที่มียอดขาย 9,000 ล้านบาท นั่นหมายความว่าปีนี้ แสนสิริมียอดขายเติบโต 45%

โดยความสำเร็จมาจากการปิดการขาย (sold out) 7 คอนโดฯ โดยเฉพาะแบรนด์ “ดีคอนโด ไฮป์” สามารถโซลด์เอาต์ตั้งแต่วันจัดอีเวนต์เปิดพรีเซลโครงการ เรียกว่าเปิดปุ๊บ-ปิดปั๊บ ชนิดที่คนที่ซื้อไม่ทันได้แต่ว้าวุ่นไปตามระเบียบ

และเร็ว ๆ นี้ แสนสิริคาดว่า จะสามารถปิดการขายเพิ่มอีก 3 โครงการ ได้แก่ “เอ็กซ์ที เอกมัย-เอ็กซ์ที ห้วยขวาง-โอกะ เฮาส์”

ไฮไลต์ชูช์ ราชเทวี-เวีย อารีย์

“องอาจ” ฉายภาพแผนลงทุนรอบใหม่ในช่วง 4 เดือนหลัง วางแผนอย่างเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน 3 เวอร์ชั่นหลัก ได้แก่ เซ็กเมนต์ลักเซอรี่-one of a kind โครงการใหม่หนึ่งเดียวบนทำเลศักยภาพสูง-แคมปัสคอนโดฯ/affordable

เริ่มต้นด้วยเซ็กเมนต์ลักเซอรี่ เรื่องใหม่คือการเปิดหน้าดินทำเลซูเปอร์ไพรมอีก 2 จุดของมหานครกรุงเทพ ที่ราชเทวี-ซอยอารีย์ สาวกแสนสิริไม่ต้องรอนานเพราะวางแผนเปิดพรีเซลตุลาคมนี้

ได้แก่ แบรนด์ “Shush ราชเทวี” อ่านว่า ชูช์ ราชเทวี มูลค่าโครงการ 5,200 ล้านบาท นำเสนอด้วยแนวคิดห้องสไตล์ Loft เพดานสูง 4.5 เมตร เกือบ 100% ของทั้งโครงการ จุดเด่นทำเลห่างเพียง 140 เมตร จากรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวี

“ชูช์ ราชเทวี” สื่อสารด้วย Tagline “A Symphony of Silence” มาจากแนวคิด True Sense of Luxury โดย Shush มาจากคำว่า Shh’ เสียงของความเงียบที่บอกเล่าเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนักศึกษา บุคลากรทางการแพทย์ ผู้บริหารระดับสูงที่เป็นคนรุ่นใหม่ ราคาเริ่มต้น 8.99 ล้านบาท

กับแบรนด์ “เวีย อารีย์-Via ARI” มูลค่าโครงการ 2,300 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการกลับมาในรอบ 11 ปี ของเวีย แบรนด์บูทีคคอนโดฯ ของแสนสิริ และเป็น 1 ใน Aesthetic Collection

โดยออกแบบแบรนด์คอนโดฯ “เวีย” ที่เป็นอาคารสูงโครงการแรก ขึ้นแท่นระดับ Rare Item ของทำเลอารีย์ จำนวน 114 ยูนิต ห้องใหญ่เลี้ยงสัตว์ได้-Pets Allowed พิเศษสุดๆ กับฟาซิลิตี้ที่จอดรถรองรับมากถึง 170%

ทำเลตั้งอยู่ในอารีย์ซอย 1 ระยะเดินเท้าห่าง 100 เมตรถึงรถไฟฟ้า BTS สถานีอารีย์ รายล้อมด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้และร้านอาหารที่มีเอกลักษณ์มากมาย ใกล้ย่านออฟฟิศและสถานศึกษาชื่อดัง ราคาเริ่มต้น 7.99 ล้านบาท

พร้อมโอน NIA by Sansiri

ถัดมา เวอร์ชั่นคอนโดฯ One of a Kind Project โครงการใหม่หนึ่งเดียว โดดเด่นบนทำเลศักยภาพ เซ็กเมนต์นี้เปิดโครงการเดียวในปีนี้ บนถนนสุขุมวิท 71 แบรนด์ “เนีย บาย แสนสิริ-NIA by Sansiri” มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท

ตั้งอยู่บนทำเลใกล้ทุกที่ ใกล้เพียง 200 เมตร ถึงทางด่วนฉลองรัช ใกล้ BTS พระโขนง ใกล้ฮาบิโตะ มอลล์ ไลฟ์สไตล์คอมมิวนิตี้มอลล์ใจกลาง T77 และใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย เดินทางเข้าถึงทองหล่อ เอกมัย ได้สะดวก

ราคาเริ่มต้น 2.79 ล้านบาท โดยเป็นหนึ่งในสินค้า RTM ที่พร้อมโอนในเดือนกันยายนนี้ เป็นต้นไป

ดีคอนโดอาละวาด 3 ทำเล

สุดท้าย กับการสานต่อโมเมนตัมความสำเร็จของแคมปัสคอนโดฯและกลุ่มคอนโดฯราคาเข้าถึงง่าย ภายใต้แบรนด์มหาชน “ดีคอนโด” เจาะทำเลคอมมิวนิตี้ใหญ่ ใกล้มหาวิทยาลัย ใกล้แหล่งงาน และมีดีมานด์ความต้องการคอนโดฯสูง

ตามแผน แสนสิริเตรียมเปิดตัวใหม่ 3 โครงการรวด มูลค่ารวม 2,900 ล้านบาท ได้แก่ “ดีคอนโด เวล ศรีราชา-dcondo vale Sriracha” ใกล้ ม.เกษตรฯ ศรีราชา ห่างเพียง 10 นาที จากโรบินสัน ราคาเริ่ม 1.39 ล้านบาท

“ดีคอนโด แอร์ ลาดกระบัง-dcondo air Ladkrabang” ภายใต้โครงการ JV-joint venture ระหว่างแสนสิริและโตคิว คอร์ปอเรชั่น ห่างเพียง 10 นาทีจากสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ราคาเริ่ม 1.75 ล้านบาท

และ “ดีคอนโด ชายน์ รังสิต-dcondo shine Rangsit” ทำเลใกล้ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ที่คาดว่ายังมีดีมานด์อีกจำนวนมากรอช็อปในขณะนี้

ชักธงรบภูเก็ต-หัวหิน-อยุธยา

ทีเด็ดยังรวมถึงแสนสิริรักษาเกมรุกในตลาดต่างจังหวัดและเมืองท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่ามีดีมานด์ลูกค้าต่างชาติซื้อในโควตา 49% อย่างต่อเนื่อง รอบนี้จ่อเปิดตัว 3 ทำเลดัง

ประเดิมด้วยเมืองภูเก็ต ซึ่งนาทีนี้เกาะภูเก็ตแทบแตกจากการมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนอย่างหนาแน่น ทำให้ภูเก็ตเป็นจังหวัดแรก ๆ ที่ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้รวดเร็วหลังยุคโควิด

โดยแสนสิริวางแผนเปิดโครงการใหม่ แบรนด์ “เดอะ เบส บูกิต-The Base Bukit” มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ทำเลใจกลางเมือง ใกล้เซ็นทรัล ภูเก็ต ราคาเริ่ม 1.89 ล้าน เตรียมเปิดให้ชมห้องตัวอย่างเดือนตุลาคมนี้

ต่างจังหวัดแห่งที่ 2 หัวหิน สานต่อความสำเร็จเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่มาเกือบ 40 ปี กับแบรนด์เท่ ๆ “กาบานาส หัวหิน-Cabanas Hua Hin) มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ทำเลติดซิคาด้าและแทมมารีน มาร์เก็ต อยู่ใกล้หาดเพียง 300 เมตร วางแผนเปิดขายปลายปีนี้

และต่างจังหวัดแห่งที่ 3 พระนครศรีอยุธยา กับการเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ “เวย์-Vay” ราคาจับต้องได้ ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยที่ต้องการจะมี work-life balance ในการทำงานควบคู่ไปกับการใช้ชีวิตส่วนตัว มองหาที่อยู่ที่มีพื้นที่สีเขียว และ facilities อย่างฟิตเนสและสระว่ายน้ำภายในคอนโดฯ

คอนโดฯ “เวย์ อยุธยา” มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท อยู่ใกล้แค่เอื้อมเพียง 2 นาที ถึงเซ็นทรัล อยุธยา ใกล้นิคมโรจนะ ราคาเริ่ม 1.49 ล้านบาท วางแผนเปิดขายเดือนตุลาคมนี้

สำหรับแผนปี 2567 วางแผนบุก 6+1 จังหวัด ประกอบด้วย 6 ต่างจังหวัดในเชียงใหม่ โคราช ฉะเชิงเทรา ชลบุรี หัวหิน (ประจวบคีรีขันธ์) ภูเก็ต บวกอีก 1 ที่เมืองหลวงกรุงเทพฯ บนทำเลซูเปอร์ไพรมตลอดกาล “สุขุมวิท-ชิดลม-สาทร”