MQDC ผนึก Baycrest Global แคนาดา บุกตลาดผู้สูงวัยระดับลักเซอรี่เมืองไทย

นายรัช ตันตนันตา ประธานผู้อำนวยการบริษัทดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัดและประธานกรรมการบริหารบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) เปิดเผยว่า บริษัทลงนามความร่วมมือกับดร.วิลเลี่ยม อี ไรซ์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานผู้อำนวยการ Baycrest Health Sciences จากประเทศแคนาดา เพื่อร่วมมือกันสร้างสังคมผู้สูงวัยคุณภาพระดับสากลและสร้างแบบจำลองที่สามารถประยุกต์ให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายอื่น ๆ รวมถึงตลาดในต่างประเทศด้วย

โดยจะร่วมกันดำเนินงานพร้อมสร้างมาตรฐานระดับโลกในการดูแลผู้สูงวัยให้เกิดขึ้นในประเทศไทยที่โครงการดิ แอสเพน ทรี ด้วยการให้บริการ สิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมแบบรายวัน โดยมุ่งเน้นส่งเสริมให้ผู้สูงวัยมีความแอคทีฟ และ มีความสุขทั้งทางกายและใจ ในคอนโดมิเนียม 290 ห้อง ตั้งอยู่ภายในโครงการเดอะ ฟอเรียเทียส์ กรุงเทพฯ

สำหรับเดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นโครงการเมืองในป่า บนพื้นที่ 300 ไร่ ถนนบางนา-ตราด กม.7 ฝั่งขาเข้าเมือง ส่วน Baycrest ธุรกิจดูแลที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงวัย รวมถึงด้านการดูแลสุขภาพ งานวิจัย นวัตกรรม และการศึกษา โดยมุ่งเน้นที่สุขภาวะสมอง โดยได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในองค์กรที่ดูแลผู้สูงวัยเฉพาะทางที่ดีที่สุดในโลก จากนิตยสาร Newsweek Magazine 2019 ในรายงานเรื่องโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของโลก

นางเฮ จูน พาร์ค ประธานผู้อำนวยการ บริษัทดิ แอสเพน ทรี คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่าความร่วมมือกันในครั้งนี้จะนำมาสู่การปฏิวัติของตลาดท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของสังคมผู้สูงวัยในประเทศไทยและการเพิ่มจำนวนของผู้สูงวัยในภูมิภาคนี้หรือที่เรียกกันว่า ‘เกรย์ สึนามิ’

“ดิ แอสเพน ทรี และ Baycrest จะร่วมมือกันนำโมเดล ‘aging-in-place’ ไปสู่ตลาดอื่น ๆ ในเอเชีย โดยจะนำเสนอรูปแบบการผสมผสานระหว่างไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและการดูแลสุขภาพที่ตอบโจทย์ความท้าทายต่าง ๆ ของสังคมผู้สูงวัย”

ดร. วิลเลี่ยม อี ไรซ์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานผู้อำนวยการ Baycrest กล่าวว่าการประกาศความร่วมมือกันในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสของความสำเร็จในการดูแลผู้สูงวัยในภูมิภาคเอเชีย

“Baycrest และดิ แอสแพน ทรี มีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการทำงานอย่างหนักเพื่อนำ ‘successful aging’ มาสู่ภูมิภาคเอเชีย เรามองไปข้างหน้าและมุ่งหวังที่จะสร้างคุณภาพการใช้ชีวิตที่ดีในทุกองค์ประกอบตั้งแต่สภาพแวดล้อมสีเขียวไปจนถึงที่พักอาศัยด้วยด้วยการออกแบบ universal design ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้สูงวัยที่เปลี่ยนไป พร้อมโปรแกรมดูแลสุขภาพที่สร้างความสุขและสุขภาพที่ดีให้แก่ผู้อยู่อาศัยด้วยรูปแบบ age in place”