“สิงห์ เอสเตท” รณรงค์แยกขยะติดเชื้อ ตั้งถังขยะทิ้งหน้ากากอนามัยใช้แล้วในออฟฟิศสิงห์

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสโควิด19 มีหลากหลายมิติ โดยเฉพาะปัญหาขยะ สิงห์ เอสเตท ในฐานะบริษัทที่ให้ความสำคัญและรณรงค์เกี่ยวกับการจัดการขยะมาอย่างต่อเนื่อง มีความห่วงใยเกี่ยวกับแนวโน้มการเกิดปัญหาขยะจำนวนมากที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมา จึงอยากขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรณรงค์การปรับพฤติกรรมเพื่อลดโอกาสการเกิดวิกฤตขยะติดเชื้อในอนาคต
 
โดยสิงห์ เอสเตท ได้นำร่องจัดตั้งถังขยะอันตรายสำหรับทิ้งหน้ากากอนามัย บริเวณทางเข้าออกทุกชั้นของสำนักงานใหญ่ อาคารซันทาวเวอร์ส และมีแผนตั้งถังขยะอันตรายที่อาคารสำนักงานทุกแห่งของบริษัทในอนาคต
 
นอกจากนร้ ยังมีการอบรมพนักงานแม่บ้านในการแยกถุงขยะและทำสัญลักษณ์ขยะติดเชื้อให้ชัดเจน ก่อนนำส่งให้กับเจ้าหน้าที่เก็บขยะของทาง กทม. เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธีต่อไป
 
อนึ่ง บริษัทคำนึงว่าในภาวะการเกิดโรคระบาดเช่นนี้ ขยะติดเชื้อ เป็นสิ่งที่ควรระมัดระวังในการทิ้งให้ถูกที่ เพราะเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (surgical mask) และกระดาษชำระ อยู่ในกลุ่มขยะที่มีโอกาสติดเชื้อสูง
 
ดังนั้นควรพับตัวหน้ากากที่มีฝอยละลองไว้ด้านในและต้องมีการแยกทิ้งในถังขยะเฉพาะ คือถังขยะติดเชื้อ โดยถุงขยะที่ใส่ควรเป็นถุงใสเพื่อให้เห็นขยะภายในชัดเจน ถ้าเป็นถุงทึบหรือถุงดำควรมีการเขียนให้ชัดเจนว่าขยะติดเชื้อ เพื่อความปลอดภัยต่อเจ้าหน้าที่จัดเก็บขยะ
 
สิ่งเหล่านี้ถ้าไม่มีการกำจัดที่ถูกต้อง นอกจากจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่นแล้ว ขยะเหล่านี้อาจหลุดรอดออกสู่สิ่งแวดล้อมและจบลงที่ท้องทะเล และเป็นภัยต่อธรรมชาติ
 
นอกจากขยะติดเชื้อแล้ว การใช้ชีวิตประจำวันของเราทุกคนช่วงนี้ สามารถสร้างขยะจำนวนมากได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น สิ่งทีสำคัญที่สุด คือการลดการสร้างขยะใหม่ด้วยการเลือกซื้อเลือกใช้ของที่จะกลายมาเป็นขยะใหม่ให้น้อยที่สุด
 
แต่หากจำเป็นก็ควรเลือกทิ้งให้ถูกประเภท เพื่อที่จะง่ายต่อการนำไปเข้ากระบวนการกำจัดขยะที่ถูกต้อง รวมไปถึงขยะบางประเภทที่สามารถนำไปที่รีไซเคิลได้ ก็จะเป็นการลดจำนวนขยะที่ต้องกำจัดทิ้งไปได้