วิโรจน์ เจริญตรา โมเดลธุรกิจคู่ขนาน “พรีบิลท์” ท็อป 5 รับเหมาอาคาร+อสังหาฯหน้าใหม่

วิโรจน์ เจริญตรา
สัมภาษณ์พิเศษ

1 ในท็อป 5 วงการผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารของเมืองไทย กำลังไต่เพดานบินบนเส้นทางดีเวลอปเปอร์ “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “วิโรจน์ เจริญตรา” ผู้บริหารสูงสุดของบริษัทรับเหมามหาชน “พรีบิลท์” ในวันนี้ขนาดรายได้องค์กร 4,200 ล้าน มองภาพอนาคตต้องบอกว่า พรีบิลท์เป็นผู้ประกอบการอีกรายหนึ่งที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

Q : โจทย์ธุรกิจยุคโควิด

แผนธุรกิจปีนี้ เราคาดว่ารายได้รวมทั้งกลุ่มเติบโต 30% ขึ้นไป จะไปเติบโตมาก ๆ ในส่วนของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นแนวราบ ซึ่งเราวางแผนเปิด 2 โครงการที่เปิดไปแล้ว โครงการบ้านเดี่ยวพรรณนา ที่พุทธมณฑลสาย 3 โครงการที่ 2 บ้านเดี่ยวทำเลหนามแดง ย่านศรีนครินทร์ มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท จะเปิดตัวในไตรมาส 3/64 และปีนี้ยังไม่ได้ทำคอนโดฯ

สำหรับโจทย์ธุรกิจรับเหมายากที่สุด 3 เรื่อง ผมมองว่าอันดับแรกเป็นเรื่องเศรษฐกิจประเทศ ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี นักลงทุนก็ยังไม่เพิ่มโครงการ ชะลอการเปิดโครงการใหม่ โครงการดีเวลอปเปอร์ที่เราทำอยู่ด้วย ซึ่งก็เป็นชั้นนำในประเทศมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ปริมาณลดลงไป

ตอนนี้ที่เราได้งาน ส่วนใหญ่เป็นโครงการใหญ่ที่เขาหยุดไม่ได้ เป็นโครงการ long term อาทิ One Bangkok หรือ The Forestias ซึ่งจะเปิดตัวหลังโควิดหายก็เลยเดินหน้าต่อ แต่ถ้าเป็นโครงการเปิดแล้วขายให้กับประชาชนทั่วไปภายใน 1 ปี 2 ปีนี้ หยุดไปเลย ผมว่าอย่างเร็วที่จะเห็นโครงการใหม่ ๆ ที่เป็นคอนโดฯก็น่าจะปลายปี 2564 อาจจะมีนิดหน่อย

ผมอาจจะโชคดีนิดหนึ่งว่า พอเกิดโควิดแล้ว ดีเวลอปเปอร์ถึงแม้จะลดโครงการลงมาก็ยังเลือกใช้ผู้รับเหมาที่เขาไว้ใจอยู่ไม่กี่ราย ซึ่งเราอยู่ในนั้น (ยิ้ม)

โจทย์ธุรกิจที่ 2 คือ เรื่องแรงงาน เนื่องจาก 80% ของแรงงานรับเหมาเป็นต่างด้าว ตอนนี้มีการจำกัดการนำเข้าต่างด้าวก็ต้องใช้แรงงานเฉพาะในประเทศที่มีอยู่ ซึ่งก็มีจำนวนน้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้แรงงานขาดแคลน เพราะบางคนกลับบ้านแล้วไม่สามารถกลับมาเมืองไทยได้ พรีบิลท์เจอช่วงโควิด มีนโยบายถ้าออกไปแล้วเราก็ไม่รับกลับ เรื่องที่ 3 ตอนนี้ก็จะมีเรื่องวัสดุพวกเหล็กที่ขึ้นราคา ต้นทุนก็สูงขึ้นมาบ้าง

Q : มูลค่างานรับเหมาของบริษัท

ปี 2564 ธุรกิจรับเหมาน่าจะเติบโต 15% จากปี 2563 ที่มีรายได้ 4,200 ล้านบาท โดยงานรับเหมาที่ประมูลได้มีของ One Bangkok กับ The Forestias มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท กำลังประมูลใหม่อีก 5,000 ล้านบาท 3 โครงการ ในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ ส่วนอสังหาฯตั้งเป้าเติบโต 400-500%

งานรับเหมาเคยรับได้ถึง 6,000 ล้านบาท/ปี แต่ตอนนี้ยังไม่อยากทำ เพราะยุคโควิดควบคุมอะไรยาก ความไม่แน่นอนของแรงงาน ราคาสินค้า ความต่อเนื่องของงานอะไรอย่างนี้ ทำให้ไม่แน่ใจก็เลยยังไม่อยากเสี่ยง ปีนี้น่าจะรับงาน 4,000 กว่าล้าน ใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด

พอร์ตรายได้มี 3 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจรับเหมา 4,500 ล้านบาท, อสังหาฯ 772 ล้านบาท และธุรกิจขายวัสดุก่อสร้าง 400-500 ล้านบาท

Q : อสังหาฯยากสุด 3 เรื่อง

สำหรับผู้ประกอบการเรื่องแรก คือ กำลังซื้อ อาจเป็นปัญหาเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงนี้ แต่ถ้าเป็นลูกค้า real demand ซื้ออยู่อาศัยจริง กำลังซื้อของแนวราบยังมีอยู่ 2.แบงก์ปล่อยกู้ยากขึ้น ลูกค้าซื้อลำบาก เพราะมีการใช้มาตรการ LTV-loan to value อยู่ ทำให้สินเชื่อมีการปฏิเสธเพิ่มขึ้น ปีที่แล้วบริษัทเจอยอดปฏิเสธสินเชื่อยังป็นเลขตัวเดียว 5-6%

และ 3.บ้านเป็นปัจจัย 4 จะต้องทำให้ราคาถูกลง แต่ยังทำยากอยู่ ต้นทุนสูงขึ้น แต่ลูกค้าอยากได้บ้านถูกลง ราคาที่ดินก็ไม่ลง ราคาค่าก่อสร้างก็เพิ่ม มีแต่ราคาขายลดลง เป็นโชคดีอีกเรื่องที่เราทำรับเหมาก่อสร้างเองก็อาจจะต้องลงมาทำเองมากขึ้น เพื่อประหยัดต้นทุน

Q : กลยุทธ์ทำธุรกิจของพรีบิลท์

เราก็ยึดหลักเดียว คือ ทำงานให้ได้คุณภาพที่สุด แล้วก็ควบคุมต้นทุนให้ได้ดีที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค จะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของเราสูงกว่าคนอื่น ผมประกาศได้ว่าในต้นทุนเดียวกัน เราสามารถให้กับลูกค้าได้มากกว่าคนอื่น

ถามว่าการแข่งขันจัดโปรโมชั่นดุเดือดรุนแรงมาก เราเป็นเจ้าเล็ก อสังหาฯเพิ่งทำ 2-3 โครงการ ไม่ได้มีสต๊อกค้างเหลือ จึงไม่จำเป็นต้องลดสต๊อกหรือขายลดราคา เรายังยืนหยัดในราคาและเน้นเรื่องคุณภาพงานเป็นหลัก

Q : การเติบโต 3-5 ปีหน้า

ภายใน 3 ปี 5 ปี เราก็ยังเมนเทนรับเหมาอยู่ ซึ่งธุรกิจรับเหมารายได้คงไปได้แค่ 6,000 ล้านบาท ส่วนอสังหาฯตั้งเป้าขึ้นไปอยู่ที่ปีละ 2,000 ล้านบาท ส่วนขายวัสดุก่อสร้างขายได้แค่นั้น 400-500 ล้านบาท ไม่มากไปกว่านี้ครับ

การลงทุนในอนาคต สมมุติมีเงินก้อนหนึ่งคงจะทำอสังหาฯ เพราะมาร์จิ้นดีกว่า กรอสมาร์จิ้นอสังหาฯที่เราทำอยู่ก็เกือบ ๆ 30% เน็ตมาร์จิ้น 10% ถ้าวอลุ่มรายได้เยอะขึ้นก็จะประหยัดค่าบริหารจัดการ ขึ้นอยู่กับตลาดภาพรวมด้วยว่าราคาอสังหาฯจะปรับขึ้นไหม ถ้าโควิดผ่านไปแล้วคอนโดฯกลับมาบูม มาร์จิ้นก็คงดีขึ้น

โอกาสที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัว เรื่องการเร่งฉีดวัคซีนเป็นตัวหลักเลย แล้วก็ปัจจัยบวกอีกตัวหนึ่งก็คือ ดอกเบี้ยยังเป็นขาลง แต่ถ้าวัคซีนกระจายไม่ทันกระจายไม่ทั่วถึงจะทำให้คนที่มีสายป่านสั้นอยู่ไม่ได้ จะมีปัญหาหนี้เสียเยอะ ซึ่งโควิดระลอก 3 ทำให้สะดุดนิดหน่อย เพราะกำลังจะดีขึ้นพอดี แต่ก็คิดว่าเป็นผลกระทบระยะสั้น ไตรมาส 3/64 น่าจะดีขึ้น

Q : มีข้อแนะนำพันธมิตรยังไงบ้าง

ครับ ดีเวลอปเปอร์ควรจับมือกับผู้รับเหมาทำโครงการด้วยกันในระยะยาว เพราะจะช่วยดูเรื่องต้นทุนและเวลาในการก่อสร้างได้ ผูกเป็นพันธมิตรระยะยาวด้วยกัน สำหรับผู้บริโภค ผมว่าจังหวะนี้เป็นจังหวะที่ควรจะซื้ออสังหาฯอย่างยิ่ง เพราะคงจะไม่ได้ราคาที่ถูกแบบนี้อีกแล้ว สำหรับผมแล้วการลงทุนในอสังหาฯดีกว่าหุ้น ดีกว่าการลงทุนอื่น ๆ เพราะอสังหาฯราคาไม่ค่อยตก แม้กระทั่งช่วงโควิด โรงแรมที่ไม่มีคนมาพักที่ซื้อขายกัน ราคาก็ไม่ได้ตกเยอะ

Q : การปรับตัวยุคโควิด

เราก็พยายามหาวิธีที่จะได้งานมากขึ้น ใช้ทรัพยากรที่เรามีให้ได้ในปริมาณงานที่มากขึ้น คือ จำนวนแรงงานเท่าเดิม แต่ทำงานให้มากขึ้น ก็ต้องใช้วิธีบริหารจัดการที่ดีขึ้น ซึ่งจริง ๆ แล้ว พรีบิลท์เป็นบริษัทระดับกลางรายได้ต่อปีไม่มากนัก ก็เลยยังไม่ได้กระทบว่าจะหางานไม่ได้ บางบริษัทยอดสัญญารับเหมาเป็นหมื่นล้าน ของเรา 4,000 ล้าน ยังขยับได้ ยังหางานได้อยู่

จุดแข็งของพรีบิลท์ คือ คุณภาพงานและระบบการจัดการก่อสร้างของเรา ซึ่ง owner ไว้วางใจ เราต้องทำให้ owner มั่นใจว่าสร้างกับเราแล้วสบายใจ ในช่วงที่เป็นโควิดแบบนี้ owner ก็ไม่อยากมีปัญหาก่อสร้าง ก็คงไม่ค่อยเลือกเจ้าเล็กหรือเจ้าที่ไม่มั่นใจ

Q : อยากให้รัฐบาลสนับสนุนอะไร

1.อยากให้ชาวต่างชาติสามารถเข้ามาซื้อคอนโดฯ หรือซื้อบ้านจัดสรรได้ในเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันคอนโดฯมีโควตาซื้อได้ไม่เกิน 49% เพิ่มเป็น 75-80% ส่วนแนวราบเมื่อก่อนไม่ได้เลย ตอนนี้ก็น่าจะขอสัก 50% โดยอาจจะมีเงื่อนไขต้องลงทุนในประเทศอย่างน้อย 10-20 ล้าน

2.อยากให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานได้อย่างเปิดเผยและถูกกฎหมาย อย่าให้เขาลักลอบ ถ้าเรารับเขาเข้ามาอยู่ในศูนย์กักกัน 14 วัน เราก็สามารถตรวจโรคทุกอย่างได้

เรื่องอื่น ๆ ผมว่ามาตรการทุกอย่างก็ดี แต่ขอให้เร็วหน่อย ในจังหวะเวลาที่ต้องตัดสินใจหรือทำอะไร ถ้าช้าเกินไปอาจจะไม่ได้ผลแล้ว ดังนั้น มาตรการโควิดต่าง ๆ ของรัฐบาล ก็ขอให้ทำรวดเร็ว เศรษฐกิจจะได้ฟื้นตัวเร็ว