บ๊อช เปิดโรงงานผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์แห่งอนาคตในเมืองเดรสเดนเชื่อมต่ออย่างสมบูรณ์ควบคุมโดยปัญญาประดิษฐ์

♦ เดนเนอร์ ซีอีโอ บ๊อช: “โรงงาน AIoT แห่งแรกของเราเป็นตัวกำหนดมาตรฐานใหม่ในการผลิตชิป”

♦ กรรมาธิการสหภาพยุโรป เวสตาเกอร์:“เซมิคอนดักเตอร์จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของยุโรปให้แข็งแกร่งในฐานะแหล่งกำเนิดนวัตกรรมล้ำสมัย”

♦ ปัญญาประดิษฐ์จะสร้างพื้นฐานที่ดีสำหรับการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล การพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการผลิต เช่นเดียวกับการเปิดสายการผลิตใหม่ที่ทำได้อย่างรวดเร็ว

♦ ชิปตัวแรกสำหรับเครื่องมือไฟฟ้าของบ๊อชจะเริ่มออกจากสายการผลิตในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้หกเดือน

♦ โรงงานผลิตแห่งใหม่นี้มีมูลค่ากว่า 1 พันล้านยูโร เป็นการลงทุนในคราวเดียวครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 130 ปีของ บ๊อช

♦ วางแผนจ้างพนักงานกว่า 700 คนในโรงงานเมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์

เดรสเดน เยอรมนี – เชื่อมต่ออย่างสมบูรณ์ ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ด้วยตัวเอง: บ๊อชเปิดโรงงานผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในเมืองเดรสเดน ด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างสมบูรณ์และควบรวมกระบวนการผลิตแบบบูรณาการ ผสานกับการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้โรงงานในเดรสเดนของบ๊อชกลายเป็นโรงงานอัจฉริยะและเป็นผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรม 4.0 ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ดร.อังเกลา แมร์เคิล รองประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป มาร์เกรเธ เวสตาเกอร์ และ มิคาเอล เครทช์แมร์ มุขมนตรีแห่งแซกโซนี ให้เกียรติร่วมพิธีเปิดโรงงานเมื่อเร็วๆ นี้

“เทคโนโลยีล้ำสมัยที่จัดแสดงที่โรงงานเดรสเดน แห่งใหม่นี้ เป็นตัวอย่างที่ดีของการผสานความร่วมมือกันของชาวยุโรปทั้งภาครัฐและเอกชน จนสัมฤทธิ์ผลเมื่อพวกเขาร่วมแรงร่วมใจกัน เซมิคอนดักเตอร์จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การขนส่ง การผลิต พลังงานสะอาด และการดูแลสุขภาพ ที่ซึ่งยุโรปมีความเป็นเลิศ จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของยุโรปในฐานะแหล่งกำเนิดนวัตกรรมที่ทันสมัย” รองประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป มาร์เกรเธ เวสตาเกอร์ กล่าว

“ด้วยความช่วยเหลือของปัญญาประดิษฐ์ เราจะยกระดับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในเมืองเดรสเดนไปอีกระดับ” ดร.โฟลค์มาร์ เดนเนอร์ ประธานกรรมการบริหารของ Robert Bosch GmbH กล่าว “ที่นี่คือโรงงาน AIoT แห่งแรกของเรา: การเชื่อมต่อถึงกันอย่างสมบูรณ์ ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ด้วยตัวเองตั้งแต่เริ่มต้น” บ๊อชลงทุนประมาณหนึ่งพันล้านยูโร ในโรงงานที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงแห่งนี้ ครั้งนี้เป็นการลงทุนในคราวเดียวครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทที่ก่อตั้งมากว่า 130 ปี การผลิตในเดรสเดนจะเริ่มในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเร็วกว่าแผนที่วางไว้หกเดือน นับจากนั้นเป็นต้นไป เซมิคอนดักเตอร์ที่ผลิตในโรงงานแห่งใหม่จะถูกติดตั้งในเครื่องมือไฟฟ้าของบ๊อช สำหรับลูกค้ายานยนต์ การผลิตชิปจะเริ่มในเดือนกันยายน ซึ่งเร็วกว่าแผนที่วางไว้สามเดือน โรงงานใหม่แห่งนี้จะเป็นส่วนสำคัญของเครือข่ายการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ด้วยเหตุนี้ บ๊อชได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับเยอรมนี ในฐานะของเทคโนโลยีและพื้นที่ตั้งดำเนินธุรกิจ บนพื้นที่ 72,000 ตารางเมตร พนักงานกว่า 250 คน กำลังทำงานอยู่ที่โรงงานผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในเมืองหลวงของรัฐแซกโซนี คาดว่าจะมีแรงงานเพิ่มอีกกว่า 700 คน เมื่องานก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ด้วยวิธีนี้ บริษัทยังคงดำเนินตามกลยุทธ์การเติบโตในการพัฒนาและการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ “ความเชี่ยวชาญนี้เป็นกุญแจสำคัญของระบบโซลูชั่น เทคโนโลยีขั้นสูงที่มีมากมายและผลิตโดยบ๊อช” เดนเนอร์กล่าว

ผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรม 4.0

เครื่องจักรที่สามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง งานซ่อมบำรุงที่ควบคุมจากระยะทางไกลกว่า 9,000 กิโลเมตร แว่นตาที่มีกล้องในตัว: ด้วยแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างขึ้นในเมืองเดรสเดนเป็นหนึ่งในแว่นตาที่ล้ำสมัยที่สุดในโลกด้วยการผสมผสานปัญญาประดิษฐ์และอินเทอร์เน็ตจากทุกสรรพสิ่งในรูปแบบที่จับต้องได้ นั่นหมายความว่าข้อมูลทั้งหมดในแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ จากเครื่องจักร เซ็นเซอร์และผลิตภัณฑ์ ถูกรวบรวมไว้ในฐานข้อมูลกลาง ข้อมูลจะได้รับการประเมินโดยใช้วิธีการของปัญญาประดิษฐ์ ในกระบวนการนี้ อัลกอริธึมการเพิ่มประสิทธิภาพด้วยตนเองจะเรียนรู้วิธีคาดการณ์ตามข้อมูล ด้วยวิธีนี้ กระบวนการผลิตและการบำรุงรักษาสามารถวิเคราะห์ได้แบบเรียลไทม์ ในทางกลับกัน ผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์สามารถเข้าสู่การผลิตเต็มรูปแบบได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้ลูกค้ายานยนต์ไม่ต้องเสียเวลารอการทดสอบ ซึ่งอาจจำเป็นสำหรับการผลิตก่อนออกสู่ตลาด

“ฝาแฝดทางดิจิทัล”: โรงงานคู่เหมือน
ในระหว่างการก่อสร้าง ทุกส่วนของโรงงานและข้อมูลการก่อสร้างทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในการสร้างโรงงานจะถูกบันทึกในรูปแบบดิจิทัลและแสดงเป็นภาพในรูปแบบสามมิติเสมือนคู่แฝดของโรงงาน ประกอบด้วยวัตถุ 3 มิติประมาณครึ่งล้านชิ้น รวมถึงอาคารและโครงสร้างพื้นฐาน ระบบจ่ายและกำจัด ท่อสายเคเบิล และระบบระบายอากาศ รวมทั้งเครื่องจักรและสายการผลิต สิ่งนี้ทำให้ บ๊อช สามารถจำลองแผนงานทั้งหมด สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของทั้งกระบวนการสร้างและงานปรับปรุงใหม่ โดยไม่ต้องเข้าไปแทรกแซงในการดำเนินงานที่มีอยู่ งานบำรุงรักษาในโรงงานเดรสเดนยังใช้เทคโนโลยีชั้นสูง: แว่นตาอัจฉริยะและเทคโนโลยีการผสมผสานโลกเสมือนจริง (AR) ซึ่งหมายความว่างานบำรุงรักษาเครื่องจักรสามารถทำได้จากระยะไกล


เซมิคอนดักเตอร์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและความปลอดภัยทางท้องถนน

ในรูปแบบของไมโครชิป สารกึ่งตัวนำสามารถพบได้ในอุปกรณ์ทางเทคนิคแทบทุกชนิด – ในสมาร์ทโฟน โทรทัศน์ และนาฬิกาข้อมือสำหรับใส่ออกกำลังกาย หากไม่มีเซมิคอนดักเตอร์ รถยนต์ก็ใช้งานไม่ได้ไม่ว่าจะในวันนี้หรือในอนาคต ในปี พ.ศ. 2562 รถยนต์รุ่นใหม่ทุกคันทั่วโลกจะมีส่วนประกอบของชิปจากบ๊อช โดยเฉลี่ยมากกว่า 17 ชิป ในอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ชุดควบคุมถุงลมนิรภัย ระบบเบรก และระบบช่วยจอดอัจฉริยะ ในอนาคตผู้เชี่ยวชาญคาดว่าจะเห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง สาระความบันเทิงในรถยนต์ และระบบไฟฟ้าของระบบส่งกำลัง ด้วยโรงงานผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในเมืองเดรสเดน บ๊อชจึงตอบสนองต่อความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ที่เพิ่มขึ้น “เซมิคอนดักเตอร์เป็นส่วนสำคัญของความก้าวหน้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ติดตั้งชิปจากเดรสเดนจะทำให้การใช้งานต่างๆ เช่น การขับขี่แบบอัตโนมัติควบคู่ไปกับการขับขี่ที่ประหยัดพลังงานและอนุรักษ์ทรัพยากร ตลอดจนการคุ้มครองผู้โดยสารที่ดีที่สุด” ฮาราล์ด เครอเกอร์ สมาชิกคณะกรรมการบริหารของ Robert Bosch GmbH กล่าว

ความเชี่ยวชาญด้านเซมิคอนดักเตอร์ถือเป็นความได้เปรียบในการแข่งขัน

ตลอดอายุการใช้งานของรถยนต์ ชิปต้องเผชิญกับการสั่นสะเทือนที่รุนแรงและอุณหภูมิที่มีความผันผวนสูง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ชิปต้องเป็นไปตามมาตรฐานความน่าเชื่อถือที่สูงยิ่งขึ้น สิ่งนี้ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และ บ๊อชสะสมความเชี่ยวชาญดังกล่าวมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ นักพัฒนาและวิศวกรของบริษัทเข้าใจหลักการทางกายภาพที่อยู่เบื้องหลังส่วนประกอบยานยนต์ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งนี้ก่อให้เกิดระบบที่สมบูรณ์ที่สามารถป้องกันอุบัติเหตุและปกป้องสิ่งแวดล้อม ซึ่งบริษัทเป็นศูนย์รวมในการพัฒนาและผลิตระบบดังกล่าว

“Silicon Saxony”: ที่ตั้งโรงงานผลิตไมโครอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป

“ซิลิคอน แซกโซนี” คือที่ตั้งโรงงานผลิตไมโครอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และใหญ่เป็นอันดับห้าของโลก หนึ่งในสามของชิปทั้งหมดที่ผลิตในยุโรปผลิตขึ้นที่นี่ ภูมิภาคนี้มีเงื่อนไขที่สมบูรณ์แบบสำหรับสิ่งนี้ มิคาเอล เครทช์แมร์ มุขมนตรีแห่งแซกโซนี กล่าวเสริมว่าโครงสร้างพื้นฐานของเดรสเดนนั้นเอื้ออำนวยอย่างยิ่ง ทุกสิ่งสามารถเข้าถึงได้ง่าย อีกทั้งการเชื่อมต่อการคมนาคมขนส่งก็เพียบพร้อม รวมถึงบริษัทจัดหายานยนต์ บริการ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ตลอดจนมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยที่เสนอความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี