
นักวิชาการหนุนจัดตั้ง PRO แห่งชาติ องค์กรที่รับผิดชอบการจัดการบรรจุภัณฑ์ ดึงผู้ประกอบการทุกภาคส่วนทั้งเจ้าของแบรนด์สินค้า ผู้ผลิตหรือนำเข้า ร่วมรับผิดชอบบรรจุภัณฑ์หลังใช้งาน
วันที่ 7 กันยายน 2566 นักวิชาการระบุภาครัฐกำลังเร่งยกร่างกฎหมาย “พระราชบัญญัติการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน พ.ศ. …” โดยหนึ่งในสาระสำคัญจะมีการจัดตั้งองค์กรที่รับผิดชอบการจัดการบรรจุภัณฑ์ (Producer Responsibility Organization หรือ PRO) และนำผู้ประกอบการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่คุณค่าของบรรจุภัณฑ์เข้ามาทำงานร่วมกัน ภายใต้หลักการความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นของผู้ผลิต (Extended Producer Responsibility หรือ EPR)
สอดคล้องกับความพยายามของ 7 บริษัทชั้นนำที่รวมตัวกันในนามของ “เครือข่ายองค์กรความร่วมมือจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน” หรือ “PRO-Thailand Network” นำร่องเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว 3 ประเภท คือ ขวดพลาสติก PET กล่องเครื่องดื่มยูเอชที และถุงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน (เช่น ถุงขนม ถุงเติม ซองกาแฟ)
ยกร่าง พ.ร.บ.การจัดการบรรจุภัณฑ์
ผศ.ดร.ปเนต มโนมัยวิบูลย์ หัวหน้าศูนย์วิจัยระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อประเทศไทยปลอดขยะ (Circular Economy for Waste-free Thailand-CEWT) สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เปิดเผยว่า กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบหมายให้ศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ยกร่าง พ.ร.บ.การจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน ภายใต้หลักการ EPR ที่ต้องการให้ภาคอุตสาหกรรมเข้ามาร่วมรับผิดชอบจัดการบรรจุภัณฑ์ตั้งแต่ต้นทาง
ตั้งแต่การออกแบบ การกระจายสินค้า การใช้งาน และช่วยแบ่งเบาภาระของภาครัฐในการจัดการบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว จากเดิมที่ตกอยู่กับระบบจัดการขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และปัจจุบันก็ยังไม่มีทรัพยากรในด้านต่าง ๆ เพียงพอที่จะเก็บรวบรวม และคัดแยกบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วเพื่อจัดการอย่างยั่งยืน ทั้งในการนำไปรีไซเคิล หรือทำเป็นพลังงานเชื้อเพลิง

ตั้ง PRO ภายใต้กฎหมาย EPR
ผศ.ดร.ปเนตกล่าวต่อว่า การจัดตั้งองค์กร PRO ภายใต้กฎหมาย EPR ฉบับนี้ มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นกลยุทธ์การดึงผู้ประกอบการ ได้แก่ เจ้าของแบรนด์สินค้า ผู้ผลิตหรือนำเข้าสินค้า ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ ให้เข้ามามีบทบาทรับผิดชอบบรรจุภัณฑ์หลังการใช้งาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการทำงานร่วมกับผู้รวบรวมและเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว ไม่ให้เล็ดลอดออกไปสู่สิ่งแวดล้อมหรือถูกทิ้งในบ่อขยะ ซึ่งในระยะแรกอาจจะมีการตั้ง PRO แห่งชาติ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้ประกอบการ พัฒนาแผนจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน จัดให้มีระบบเก็บรวบรวม คัดแยกบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วออกจากขยะมูลฝอย
เน้นบรรจุภัณฑ์ 4 ประเภท
โดยมุ่งเน้นบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุหลัก 4 ประเภท ได้แก่ พลาสติก โลหะ แก้ว และกระดาษ สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม อาทิ ขวดพลาสติก PET และ HDPE ถุงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนที่มีส่วนผสมของพลาสติก กล่องเครื่องดื่มยูเอชที ตลอดจนของใช้ส่วนตัว เครื่องสำอาง และบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่ง
“ในภาพรวม บรรจุภัณฑ์ใช้แล้วใน 4 ประเภทข้างต้นนี้ น่าจะมีประมาณ 3-4 ล้านตันต่อปี คิดเป็นร้อยละ 10-15 ของปริมาณขยะทั้งหมดในประเทศ ดังนั้นสมมุติว่าค่าใช้จ่ายอย่างต่ำในการจัดการบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว คือ 1 บาทต่อกิโลกรัม หมายความว่า รัฐจะต้องใช้งบประมาณ 3-4 พันล้านบาทต่อปี มาช่วยสนับสนุนการจัดการขยะบรรจุภัณฑ์เหล่านี้
ทั้งนี้ การจัดตั้ง PRO จึงเป็นการสร้างกลไกให้ผู้ประกอบการเข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นอีกโมเดลที่ประสบความสำเร็จในหลายประเทศทั่วโลก
7 บริษัทเครือข่าย PRO-THAILAND
สำหรับประเทศไทย ภาคเอกชนรวมตัวกันด้วยความสมัครใจ จัดตั้ง “เครือข่ายองค์กรความร่วมมือจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน” (Packaging Recovery Organization Thailand Network) หรือ “PRO-Thailand Network” เมื่อปี 2562 จากการรวมกลุ่มโดยสมัครใจของภาคเอกชน อาทิ ผู้เป็นเจ้าของตราสินค้า ผู้ผลิตสินค้า และผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ รวมทั้งสิ้น 7 บริษัท และได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมิถุนายน 2566
โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนและร่วมสร้างระบบการจัดเก็บและรวบรวมบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วกลับมารีไซเคิล (Recycle) หรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อลดปริมาณขยะที่จะรั่วไหลสู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งสมาชิก 7 บริษัท ได้แก่
- บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
- บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด
- บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด
- บริษัท เอส ไอ จี คอมบิบล็อค จำกัด

รายชื่อคณะผู้บริหาร PRO-Thailand Network ประกอบด้วย
- นายวิกเตอร์ หว่อง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด และรองประธานฝ่ายธุรกิจแฟรนไชส์ ประจำประเทศไทย เมียนมา และลาว เดอะ โคคา-โคลา คัมปะนี
- นายอชิต โจชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด
- นางสาวรัตนศิริ ติลกสกุลชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด
- นายอินเยส คอร์ทเฮ้าส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
- นางสาวนาริฐา วิบูลยเสข ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจน้ำดื่ม อินโดไชน่า บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด
- นายสุดิปโต โมซุมดา กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจอาหาร อินโดจีน บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด
- นายวัชรพงศ์ อึงศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการเขตประเทศไทย ลาว พม่า และกัมพูชา บริษัท เอสไอจี คอมบิบล็อค จำกัด
อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินโครงการนำร่องจัดการบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว 3 ประเภท ได้แก่ ขวดพลาสติก PET กล่องเครื่องดื่มยูเอชที (เช่น กล่องนม น้ำ ผลไม้ กล่องกะทิ) และถุงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน (เช่น ถุงขนม ถุงเติม ซองกาแฟ) ในปี 2563-2565 PRO-Thailand Network สามารถเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วประเภทขวด PET จำนวน 25,134.15 ตัน ประเภทกล่องเครื่องดื่มยูเอชที จำนวน 180.49 ตัน ถุงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนใช้แล้วได้ 78.56 ตัน