อนุมัติจ่ายสิทธิประโยชน์กองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ ช่วยแรงงานไทยจากอิสราเอลแล้วกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ มูลค่ากว่า 128 ล้านบาท
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยที่กลับจากอิสราเอลว่า ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานได้เร่งดำเนินการรับคำร้องและพิจารณาเอกสารหลักฐานเพื่อให้แรงงานไทยได้รับสิทธิประโยชน์โดยเร็วที่สุด
- พระราชประวัติ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ วันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- กองทุนประกัน อนุมัติจ่ายเงิน 7.29 พันล้าน มี.ค.-เม.ย. รับรองมูลหนี้เพิ่ม 560 ล้าน
ซึ่งความคืบหน้าขณะนี้มีผู้ยื่นคำร้องขอรับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ จำนวน 8,922 คน เจ้าหน้าที่วินิจฉัยอนุมัติสั่งจ่ายแล้ว 8,491 คน คิดเป็นร้อยละ 95.17
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 128,175,000 บาท แบ่งเป็น
- เงินชดเชยกรณีเสียชีวิตรายละ 40,000 บาท จำนวน 30 คน เป็นเงิน 1,200,000 บาท
- กรณีบาดเจ็บรายละ 30,000 บาท จำนวน 4 คน เป็นเงิน 120,000 บาท
- กรณีภัยสงครามรายละ 15,000 บาท จำนวน 8,457 คน คิดเป็น 126,855,000 บาท
ส่วนการยื่นคำร้องขอรับค่าเดินทางกลับจากอิสราเอล ซึ่งกระทรวงแรงงานทำหน้าที่รับเรื่องของคนไทยทุกคนที่เดินทางกลับประเทศไทย เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และแรงงานไทย และจัดส่งเอกสารให้กับกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้พิจารณาค่าชดเชย/ค่าใช้จ่าย
ขณะนี้มีผู้ยื่นคำร้องขอรับเงินค่าพาหนะผ่านศูนย์ช่วยเหลือแรงงานและติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล กระทรวงแรงงานแล้ว 3,943 คน เป็นค่าเครื่องบิน 1,958 คน และค่าแท็กซี่ 2,973 คน เอกสารคำขอถูกจัดส่งไปยังกรมการกงสุลแล้ว 2,427 คน โดยหลังจากยื่นเอกสารกับกระทรวงแรงงานแล้ว สามารถติดตามการยื่นคำขอได้ที่สายด่วนกรมการกงสุล โทร.0-2572-8442
“การดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือตามข้อสั่งการของท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เจ้าหน้าที่ได้เร่งทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้การจ่ายสิทธิประโยชน์กองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ เป็นไปด้วยความรวดเร็ว
ซึ่งปัจจุบันเราได้จ่ายสิทธิประโยชน์กองทุน ช่วยเหลือแรงงานไทยจากอิสราเอล สำเร็จไปแล้วกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 128 ล้านบาท ซึ่งเราจะพิจารณาเยียวยาให้กับครอบครัวของแรงงานไทยที่เสียชีวิตเป็นลำดับแรก
ส่วนที่เหลืออีก 5 เปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องของเอกสาร ได้แก่ คำขอที่สิ้นสุดความคุ้มครอง คำขอที่อยู่นอกเหนือระเบียบ และอยู่ระหว่างเรียกเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งเราจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด จนกว่าจะจ่ายให้แรงงานที่เป็นสมาชิกกองทุนครบทุกราย” นายไพโรจน์กล่าว