บ้านปูฯ จัดค่ายปิงปองในชนบท เติมเต็มคำว่าให้จากใจ “พี่” สู่ “น้อง”

กีฬาถือเป็นหนึ่งกิจกรรมเพื่อความสนุกสนานผ่อนคลายยามว่างของเด็กๆ โดยทั่วไป แต่สำหรับใครหลายๆ คน การเล่นกีฬาได้ถูกต่อยอดอย่างจริงจังและกลายเป็นเป้าหมายชีวิตที่สำคัญ มีนักกีฬาสมัครเล่นไทยหลายต่อหลายคนก้าวสู่ความเป็นนักกีฬาอาชีพเต็มตัว ซึ่งหมายถึงเขาเหล่านั้นมีรายได้เพื่อดำรงชีพจากการเป็นนักกีฬา

ปัจจุบัน “นักกีฬา” ได้กลายเป็นอาชีพที่เยาวชนไทยใฝ่ฝันอยากเป็นมากที่สุดอันดับ 3 รองจากครูและแพทย์ ทว่าการเป็นนักกีฬาอาชีพนั้นเป็นเรื่องไม่ง่าย เพราะนอกจากพวกเขาจะต้องมีความพร้อมและทักษะกีฬาที่โดดเด่นแล้ว ยังต้องมีเวทีเพื่อไต่ระดับสู่ความเป็นมืออาชีพ รวมทั้งปัจจัยเรื่องทุนทรัพย์ เพื่อใช้ในกิจกรรมกีฬาด้วยการสนับสนุนจากผู้ปกครองและสปอนเซอร์

โอกาสการเป็นนักกีฬาอาชีพจึงถูกจำกัดวงแคบ ส่วนใหญ่มักอยู่ในกลุ่มน้องๆ ที่มี “โอกาส” ที่ดีกว่าคนอื่น ดังนั้น การให้ “โอกาส” จึงถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งจากความไม่เท่าเทียมด้านสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม จึงมีเด็กอีกจำนวนมากที่ขาด “โอกาส” และการ “สนับสนุน” ทำให้ฝันของน้องๆ ที่จะเป็นนักกีฬาอาชีพดูจะเลือนลาง

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้ก่อตั้งและบริหาร “สโมสรเทเบิลเทนนิสบ้านปู” ที่สร้างนักกีฬาปิงปองไทยคุณภาพต่อเนื่องมากว่า 11 ปี ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเติมเต็ม “โอกาสในการเรียนรู้” เพื่อพัฒนาทักษะกีฬาปิงปองให้แก่เยาวชนอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล จึงจัดกิจกรรม “ค่ายสโมสรเทเบิลเทนนิสบ้านปู สร้างแรงบันดาลใจและพัฒนาทักษะเยาวชนไทย”

โดยนำโค้ชและนักกีฬาเยาวชนทีมชาติของสโมสรฯ ที่ผ่านสนามแข่งขันทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ ที่มีจิตสาธารณะ อาสาเป็นผู้ถ่ายทอดทักษะปิงปองให้กับน้อง ๆ เยาวชนอายุระหว่าง 6-16 ปี ใน 6 จังหวัดภาคอีสาน ได้แก่ อุบลราชธานี ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด ยโสธร ศรีสะเกษ และขอนแก่น รวม 120 คน ณ ศูนย์ฝึกปิงปองบ้านประชา จังหวัดอุบลราชธานี

ความสำคัญของค่ายนี้จึงไม่ใช่แค่การสร้างโอกาสการเรียนรู้ให้เยาวชนในพื้นที่ห่างไกลเท่านั้น แต่ยังเป็นการปลูกฝังจิตสาธารณะให้เกิดแก่นักกีฬาในสังกัด ซึ่งหลายครั้งหลายคราที่เขาเป็นผู้ที่ “ได้รับโอกาส” จากบ้านปูฯ สู่การเป็น “พี่” ที่กลายมาเป็นผู้ “หยิบยื่น” โอกาสให้แก่น้องๆ ที่ขาดแคลน สิ่งนี้ถือเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของสโมสรฯ ที่ต้องการสร้างคนเก่งและคนดีให้กับสังคมไทยไปพร้อมๆ กัน

ค่ายฯ นี้มีระยะเวลา 4 วัน น้องๆ ที่เข้าร่วมค่ายฯ ทุกคนมีโอกาสเท่าๆ กันในการพิสูจน์ความชอบความถนัดของตนเอง ทุกคนจะถูกแบ่งกลุ่มตามระดับทักษะปิงปอง ได้แก่ กลุ่มพื้นฐาน กลุ่มทักษะระดับกลาง และกลุ่มทักษะระดับสูง โดยพี่ๆ จะปรับพื้นฐานความรู้ทักษะกีฬาปิงปองที่ถูกต้องให้น้องๆ ทั้งหมดใหม่อีกครั้ง

เริ่มต้นจากการสอนกฎกติกา การจับไม้ การเสิร์ฟลูก การรับลูก รวมทั้งความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาที่จำเป็น ได้แก่ การอบอุ่นร่างกายก่อนเล่น การสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและระบบประสาทสั่งงานระหว่างเล่น การผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังเล่น

จากนั้นน้องๆ จะได้เข้ากลุ่มฝึกฝนตามระดับกับโค้ชและพี่ๆ นักกีฬาเยาวชนทีมชาติของสโมสรฯ ที่พร้อมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ ทั้งเทคนิคการรับ-ส่งลูก การตบลูกแบบต่างๆ ตลอดจนการฝึกควบคุมอารมณ์และความเครียดขณะแข่งขัน ซึ่งในระยะเวลา 4 วัน เราได้เห็นพัฒนาการของน้องๆ ทุกคนมี พร้อมที่จะต่อยอดด้วยการฝึกฝนทักษะอย่างสม่ำเสมอต่อไป

“อุดมลักษณ์ โอฬาร” ผู้อำนวยการสายอาวุโส-องค์กรสัมพันธ์ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการสโมสรเทเบิลเทนนิสบ้านปู กล่าวว่า บ้านปูฯ เชื่อว่า พลังความรู้ คือพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่บ้านปูฯ มุ่งส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะกีฬาปิงปองให้กับเยาวชนไทยผ่านกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ รวมทั้งค่ายสโมสรเทเบิลเทนนิสบ้านปูที่ได้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 แล้ว

“เรามุ่งหวังที่จะขยายโอกาสเรียนรู้ให้น้องๆ ในพื้นที่ห่างไกลในการเข้าถึงกีฬาปิงปองมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็เป็นเวทีสำหรับนักกีฬาของสโมสรฯ ที่จะพัฒนาบทบาทจากผู้รับสู่การเป็นผู้ให้และตอบแทนสังคมด้วยกีฬาที่พวกเขารักและถนัด”

บทบาทของพี่ๆ นักกีฬาจิตอาสา แตกต่างจากบทบาทที่พวกเขาเป็นนักกีฬาอย่างสิ้นเชิง พี่ๆ กลุ่มนี้ไม่เพียงมุ่งหวังที่จะมาเพิ่มทักษะปิงปองให้แก่น้องๆ แต่พวกเขายังมีภารกิจในแง่การเป็น “พี่เลี้ยง” ที่ต้องช่วยดูแลน้องๆ ในค่ายให้มีความปลอดภัย ปฏิบัติตามระเบียบวินัย กฎกติกาการอยู่ร่วมกัน

ในขณะที่น้องๆ ก็ได้เรียนรู้จากสิ่งที่พี่ๆ ได้ถ่ายทอด และจากการได้อยู่ร่วมกับเพื่อนๆ ในระยะเวลาหนึ่ง ทั้งหมดนี้คือกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจริงที่ทำให้เยาวชนไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพขึ้นอีกขั้น

“ท้ายที่สุดแล้ว บ้านปูฯ เชื่อว่าเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้จะได้เรียนรู้ต่อยอดทักษะกีฬาอย่างเหมาะสมกับระดับความสามารถและเป้าหมายของแต่ละบุคคล ตามวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมที่เปิดกว้างให้ทั้งเยาวชนที่ไม่มีประสบการณ์ ไปจนถึงนักกีฬาเยาวชนระดับจังหวัด เข้าร่วมกิจกรรมโดยเท่าเทียมกัน และที่สำคัญไปกว่านั้นคือความอิ่มเอมใจที่เกิดขึ้นแก่โค้ชและพี่ ๆ นักกีฬาของสโมสรฯ ที่มาทำหน้าที่ฝึกสอนน้อง ๆ ในครั้งนี้ในฐานะผู้ให้ด้วยจิตอาสาอย่างแท้จริง”