“เอสซีจี” ผนึกพันธมิตร มอบบ้านใหม่ให้ชุมชนบึงบางซื่อ

SCG มอบบ้านชุมชนบางซื่อ

ทั้งนี้อาจเป็นเพราะบริเวณโดยรอบสำนักงานใหญ่เอสซีจีรายล้อมไปด้วยชุมชนต่าง ๆ ยิ่งเฉพาะชุมชนบึงบางซื่อที่อยู่ใกล้กับสำนักงาน จึงทำให้ทางเอสซีจี องค์กรพันธมิตร และคณะสานพลังประชารัฐจึงร่วมมือกันเพื่อให้ชาวบ้านในชุมชน ซึ่งในอดีตคือแหล่งวัตถุดิบผลิตปูนซีเมนต์ของเอสซีจีที่มีพื้นที่มากกว่า 61 ไร่ โดยมีคนงานสมัยนั้นปลูกเพิงพักเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย

กระทั่งขยับขยายจนกลายเป็นชุมชนใหญ่ที่มีสภาพความเป็นอยู่อย่างแออัด

ด้วยเหตุนี้ เอสซีจีจึงทำโครงการ “มอบบ้านใหม่ให้ชุมชนบึงบางซื่อ ตามโครงการสานพลังประชารัฐ” บริเวณพื้นที่บึงบางซื่อ เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยมี “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีมาส่งมอบบ้านให้กับตัวแทนชุมชนด้วยตัวเอง

เบื้องต้น “พล.อ.ประยุทธ์” กล่าวว่าผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นความฝันของพี่น้องชุมชนบึงบางซื่อเป็นจริง ที่มีบ้านใหม่ที่มั่นคง ปลอดภัย มีสภาพแวดล้อมที่ดี ได้รับทะเบียนบ้าน ทำให้สามารถเข้าถึงสิทธิพื้นฐาน และระบบการบริการที่ภาครัฐจัดสรรไว้ให้อย่างเท่าเทียม

“ซึ่งเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนประเทศไทยด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามที่รัฐบาลกำหนดนโยบายไว้อย่างชัดเจน ภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มของผู้มีรายได้น้อย กลุ่มเปราะบาง และผู้สูงอายุ มีโอกาสเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ผมขอชื่นชมชาวชุมชนบึงบางซื่อด้วยใจจริง ที่อดทน อดออม สะสมเงินเพื่อสร้างบ้าน และลุกขึ้นมาร่วมมือร่วมใจกัน น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรมาประยุกต์ใช้พัฒนาชุมชน”

“ทั้งการรักษาระเบียบวินัย กติกาสังคม รวมถึงยังช่วยกันสอดส่องระมัดระวังสิ่งผิดกฎหมาย ดูแลบ้านเรือนพื้นที่ส่วนกลาง ให้สะอาดปลอดภัยเป็นตัวอย่างที่ดีของชุมชนเมืองที่เข้มแข็ง มีความรัก-สามัคคี คิดถึงประโยชน์ส่วนรวม ทำให้บ้านเป็นมากกว่าบ้านที่อยู่อาศัย ขอขอบคุณเอสซีจองค์กรพันธมิตร และคณะสานพลังประชารัฐที่นำจุดแข็ง และความเชี่ยวชาญมาช่วยกันแก้ปัญหา และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนบึงบางซื่อให้ดีขึ้น”

รุ่งโรจน์ รังสิโยภาสขณะที่ “รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส” กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจีกล่าวเสริมว่าบึงบางซื่อเคยเป็นแหล่งวัตถุดิบผลิตปูนซีเมนต์ของเอสซีจีมีพื้นที่ 61 ไร่ โดยใช้พื้นที่ขอบบึงทำเพิงพักให้คนงาน จากนั้นจึงอาศัยสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น รวมทั้งมีคนต่างถิ่นอพยพเข้ามาอยู่รวมกัน จนกลายเป็นชุมชนใหญ่ และมีสภาพความเป็นอยู่ที่แออัด

“ในปี 2559 เอสซีจีจึงร่วมกับภาครัฐ เอกชน และชุมชน ดำเนินโครงการสานพลังประชารัฐ-การพัฒนาพื้นที่บึงบางซื่อ เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนก่อนที่จะมอบที่ดินผืนนี้ให้กรมธนารักษ์ดูแล เพื่อเป็นหลักประกันให้กับชุมชน และปัจจุบันการพัฒนาพื้นที่ระยะที่ 1 สำเร็จแล้วมีที่พักอาศัยรวม 197 ยูนิต ประกอบด้วยทาวน์เฮาส์ 60 หลังที่ชุมชนเข้าอยู่แล้วพร้อมบ้านผู้สูงอายุที่อยู่ลำพัง และไม่มีรายได้ 4 ห้อง ส่วนอาคารชุด 4 ชั้น3 อาคาร รวม 133 ห้อง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ปี 2564”

กล่าวกันว่า “หัวใจความสำเร็จ” ของโครงการครั้งนี้คือชุมชนต่างเข้ามามีส่วนร่วมตลอดกระบวนการคือ

หนึ่ง การยืนยันสิทธิร่วมโครงการเพื่อความเสมอภาค และเป็นธรรม

สอง สร้างวินัยการออม สะสมเงินเพื่อเป็นเจ้าของบ้าน

สาม ร่วมกันคิด และออกแบบบ้านให้เหมาะสมกับวิถีชีวิต

สี่ กำหนดกฎกติกาการอยู่ร่วมกัน

ห้า ร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อม และความสะอาดของชุมชน

“ผลจากการมีส่วนร่วมทำให้คนในชุมชนปรับเปลี่ยนทัศนคติ มีความเอื้ออาทร ทำเพื่อส่วนรวม เป็นชุมชนเข้มแข็ง ซึ่งเอสซีจีเชื่อมั่นว่าชุมชนมีศักยภาพที่จะสามารถพัฒนาพื้นที่ให้เป็นสวนเกษตรอินทรีย์กลางกรุง และดูแลบึงน้ำให้สะอาดสวยงาม รวมถึงเป็นศูนย์เรียนรู้ สร้างแรงบันดาลใจให้ชุมชนอื่น ๆ ในอนาคต”

อัจฉราพร อิ่มโพธิ์ถึงตรงนี้ “อัจฉราพร อิ่มโพธิ์” ตัวแทนชุมชนบึงบางซื่อแสดงความรู้สึกว่าพวกเราอยู่อาศัยรอบบึงบางซื่อมาตั้งแต่เด็ก จนมีครอบครัวของตนเองที่นี่มีสภาพเสื่อมโทรม อยู่กันอย่างแออัด มีความกังวลเรื่องความปลอดภัยและอบายมุขต่าง ๆ การไม่มีทะเบียนบ้าน ทำให้เราไม่มีน้ำ-ไฟใช้ ไม่มีสิทธิส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนใกล้บ้าน โครงการนี้ช่วยพลิกฟื้นชีวิตให้เรามีบ้านของตัวเองในสภาพแวดล้อมที่ดี มั่นคง พร้อมกับมีทะเบียนบ้าน มีถนนเข้าบ้านที่ปลอดภัย เชื่อว่าลูกหลานเติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ

“ต้องขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี เอสซีจี ภาครัฐ และเอกชน ที่ช่วยมอบชีวิตใหม่ ให้โอกาสพวกเรามีส่วนร่วมออกแบบบ้านของตนเอง ทั้งยังมีบ้านส่วนกลางให้คนสูงอายุที่ไร้อาชีพ และสนับสนุนให้เราออมเงินสร้างบ้านโดยเราจะดูแลบึงน้ำให้สะอาด ซึ่งในอนาคตเราอยากพัฒนาพื้นที่ให้เป็นสวนเกษตรอินทรีย์กลางกรุง เพื่อต่อยอดอาชีพสร้างรายได้ให้กับพวกเราต่อไป”

“ศุกร์ศิริ บุญญเศรษฐ์” รองอธิบดีด้านที่ราชพัสดุ กรมธนารักษ์ กล่าวเสริมว่ากรมธนารักษ์มีความรับผิดชอบในการดูแล บำรุงรักษา และพัฒนาที่ราชพัสดุให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสร้างเศรษฐกิจและสังคมที่สมดุลและยั่งยืน โดยได้รับมอบที่ดินบึงบางซื่อจากเอสซีจี และหลังจากที่มีการพัฒนาเสร็จแล้วจะนำไปบริหารจัดการ และดูแลให้ชุมชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน

“เราเชื่อว่านอกจากการมีที่อยู่อาศัย และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม การพึ่งพาตนเองให้สามารถอยู่ได้อย่างมั่นคงเป็นเรื่องสำคัญด้วย เราจึงร่วมกับบริษัท ธนารักษ์พัฒนา-สินทรัพย์ จำกัด สนับสนุนงบประมาณสำหรับเป็นกองทุนต่อยอดให้ชุมชนนำไปใช้สร้างอาชีพ และเป็นต้นแบบให้กับชุมชนในเมืองพื้นที่อื่นต่อไป”

“วิมล ทุ่งทอง” ผู้อำนวยการธนาคารออมสินภาค 1 กล่าวว่าธนาคารออมสินได้ดำเนินกิจกรรม “ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม :การจัดการน้ำ” ภายใต้โครงการธนาคารออมสินเพื่อสังคม และสิ่งแวดล้อม ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 นับตั้งแต่ปี 2561 เพื่อส่งเสริมการจัดการน้ำในประเทศไทยที่มีปัญหาในหลายรูปแบบให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชนทั้งความอยู่ดีมีสุข และสิ่งแวดล้อมตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนในลักษณะ “การพึ่งตนเอง” สามารถใช้ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“โดยในปี 2563 ธนาคารออมสินคัดเลือกชุมชนบึงบางซื่อ สนับสนุนระบบ ZyclonicTM by SCG นวัตกรรมระบบบำบัดน้ำเสียจากอาคารชุดในชุมชน ให้สามารถนำน้ำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ได้ พร้อมทั้งสนับสนุนการเลี้ยงปลา การทำแปลงผักสวนครัวระบบน้ำหยด และโรงเรือนเพาะเห็ด เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารภายในชุมชนทั้งยังช่วยลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เพื่อสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับชุมชน”

ฉะนั้น จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า “ชุมชนบึงบางซื่อ” จะดูแลรักษาชุมชนของตัวเองเพื่อลูกหลานต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืน