For Women in Science “ลอรีอัล” มอบทุน 5 นักวิจัยสตรี

ลอรีอัล

แม้สถานการณ์โควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย แต่ลอรีอัล ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าตอกย้ำความมุ่งมั่นในการร่วมเชิดชูเกียรติสตรีในสายงานวิทยาศาสตร์ และสนับสนุนงานด้านการค้นคว้า และวิจัยต่อเนื่องเป็นปีที่ 19 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ของประเทศอย่างยั่งยืน

ด้วยการประกาศรายชื่อ 5 นักวิจัยสตรีผู้มีผลงานวิจัยที่โดดเด่นเป็นประโยชน์ในการพัฒนาชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และประเทศชาติ โดยผู้ได้รับทุนในโครงการทุนวิจัย ลอรีอัล ประเทศไทย “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” (For Women in Science) ประจำปี 2564 ได้แก่ ทุนวิจัย 5 ทุน มอบแก่นักวิจัยสตรี 5 ท่าน จาก 5 สถาบัน ใน 2 สาขา ดังนี้

สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ 3 ท่าน

1.รศ.ดร.พันธนา ตอเงิน ภาควิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับงานวิจัยหัวข้อ “การศึกษาผลกระทบของความแปรปรวนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อวัฏจักรน้ำในระบบนิเวศป่า”

2.ดร.กมลชนก ชีวะปรีชา หน่วยวิจัยโรคเขตร้อน มหิดล-ออกซฟอร์ด และหลักสูตรชีวสารสนเทศและชีววิทยาระบบ คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กับงานวิจัยหัวข้อ “การจัดทำแผนที่ทางพันธุกรรมเพื่อป้องกันโรคเมลิออยด์”

3.รศ.ดร.วรรณวิภา วงศ์แสงนาค ภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กับงานวิจัยหัวข้อ “การพัฒนาแพลตฟอร์มทางชีววิทยาระบบและไมโครไบโอมเพื่อการทำนายสุขภาพทางเดินอาหารของคนไทย”

สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ 2 ท่าน

1.ผศ.ดร.อรวรรณ สุวรรณทอง สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กับงานวิจัยหัวข้อ “การพัฒนาวัสดุปิดแผลฟองน้ำเซลลูโลสที่มีสารประกอบเชิงซ้อนของเคอร์คิวมินและไคโตซานสําหรับรักษาบาดแผลเรื้อรัง”

2.รศ.ดร.นัดดา เวชชากุล ภาควิชาฟิสิกส์ และวัสดุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กับงานวิจัยหัวข้อ “การพัฒนาวัสดุนาโนโลหะออกไซด์ เพื่อเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาด้วยแสงสำหรับการย่อยสลายสารประกอบอินทรีย์ที่เป็นมลพิษทางน้ำ”

เบื้องต้น “อินเนส คาลไดรา” กรรมการผู้จัดการ ลอรีอัล ประเทศไทย กล่าวว่า การค้นคว้าวิจัยเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นับเป็นหัวใจสำคัญของลอรีอัลในการดำเนินธุรกิจมากว่า 100 ปี เราเชื่อมั่นว่าโลกต้องการวิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ต้องการสตรีเพื่อการพัฒนาและสร้างการเปลี่ยนแปลง ในช่วงที่ผ่านมา เราพบว่าสังคมได้ให้ความสำคัญและทำให้ประเด็นความเท่าเทียมทางเพศในหลาย ๆ วงการดีขึ้น แต่ในวงการวิทยาศาสตร์นั้นยังคงมีช่องว่างอยู่

ข้อมูลจากรายงานของยูเนสโกระบุว่า จำนวนนักวิจัยหญิงมีสัดส่วนกว่า 33% เท่านั้น สำหรับประเทศไทยนับว่าประสบความสำเร็จในเรื่องการสร้างความเท่าเทียมทางเพศ โดยนักวิจัยในไทยจำนวน 49.7% เป็นผู้หญิง แต่ถึงกระนั้น ทุกส่วนก็คงต้องให้การสนับสนุนเรื่องความเท่าเทียมในวงการนี้ต่อไป เนื่องด้วยจำนวนผู้หญิงที่ก้าวขึ้นสู่ระดับนักวิชาการที่มีความอาวุโสมากขึ้น หรือได้รับการยอมรับนั้น ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำอยู่ โดยรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นที่มอบให้แก่ผู้หญิงมีสัดส่วนเพียง 14%

“นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อนักวิจัยสตรีทั้งด้านความมั่นคงทางอาชีพ ไปจนถึงระยะเวลาในการทำงานวิจัยที่มีความท้าทายมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ ลอรีอัลจึงมุ่งมั่นให้ความสำคัญกับนักวิจัยสตรีมากกว่าที่เคย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้นักวิจัยสตรีสามารถสร้างสรรค์ผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และประเทศชาติได้อย่างประสบความสำเร็จ”

“นอกจากนี้ ลอรีอัล ประเทศไทย จะเดินหน้าผลักดันเหล่านักวิจัยสตรีไทย ให้สามารถก้าวเข้าสู่วงการวิทยาศาสตร์ในระดับสากลได้อย่างเต็มภาคภูมิ เพิ่มศักยภาพด้านงานวิจัยให้กับประเทศชาติต่อไป”

ขณะที่ “รศ.ดร.พันธนา” ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ได้รับรางวัลสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ กล่าวว่า งานวิจัยชิ้นนี้จึงมุ่งประเมินและวิเคราะห์อัตราการใช้น้ำของป่าไม้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งป่าสมบูรณ์และป่ารุ่นสอง เพื่อศึกษาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และความสามารถในการทนแล้งของพันธุ์ไม้ในป่า

โดยงานวิจัยนี้นับเป็นงานวิจัยชิ้นแรกในประเทศไทย ที่มีการติดตั้งเสาและอุปกรณ์ตรวจวัดอย่างต่อเนื่องในป่าหลายขั้นการทดแทน โดยสามารถเก็บข้อมูลได้เป็นเวลานานเพื่อติดตามสถานะและการเปลี่ยนแปลงของอัตราการใช้น้ำของป่า ซึ่งหากเก็บข้อมูลเป็นระยะเวลานานกว่า 30 ปี ก็จะสามารถนําไปวิเคราะห์ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศได้

“นับเป็นข้อมูลสําคัญที่เกิดจากการตรวจวัดในพื้นที่จริงที่ยังไม่ปรากฏในป่าเขตร้อนที่มีหลายขั้นการทดแทนแห่งใดในโลก และยังเป็นประโยชน์เชิงนโยบาย ช่วยในการวางแผนและบริหารจัดการการใช้น้ำของชุมชนที่จะแม่นยํามากขึ้น จนนำไปสู่ผลประโยชน์ทั้งด้านวิชาการและการใช้ประโยชน์เชิงนโยบาย เนื่องจากข้อมูลในป่าเขตร้อนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเป็นปริศนาในการศึกษาด้านป่าไม้และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก”

สำหรับ “ผศ.ดร.อรวรรณ” ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ได้รับรางวัลสาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคอัมพฤกษ์ และโรคอัมพาตเป็นจำนวนมาก โดยผู้ป่วยเหล่านี้มักพบบาดแผลเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายเองได้

โดยบาดแผลที่เท้าในผู้ป่วยโรคเบาหวาน และบาดแผลกดทับถูกพบมากที่สุดในบรรดาบาดแผลเรื้อรังทั้งหมด ทำให้การดูแลรักษาบาดแผลเหล่านี้ต้องใช้ระยะเวลานาน และต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดจากผู้เชี่ยวชาญ ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง การใช้วัสดุปิดแผลจึงได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการรักษาผู้ป่วยดังกล่าว

“ทางคณะผู้วิจัยจึงพัฒนาวัสดุฟองน้ำที่มีลักษณะเป็นรูพรุน ช่วยดูดซับของเหลวจากบาดแผลได้ดี และมีประสิทธิภาพในการกักเก็บของเหลวได้ โดยใช้พอลิเมอร์ที่ได้จากธรรมชาติและพบได้ในประเทศไทย คือ เซลลูโลสจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ใบสับปะรด และไคโตซานจากเปลือกกุ้ง กระดองปู เป็นต้น”

“อีกทั้งยังมีการใช้เคอร์คิวมิน สารสกัดจากขมิ้นชัน ซึ่งมีฤทธิ์ทางชีวภาพเหมาะสำหรับใช้ในการรักษาบาดแผล โดยผลงานวิจัยนี้สามารถนําไปต่อยอดเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพวัสดุปิดแผลที่ผิวหนังให้มากขึ้น ทั้งยังช่วยยกระดับงานวิจัยสู่ภาคอุตสาหกรรม เพิ่มโอกาสทางการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการทั้งภาครัฐและเอกชนภายในประเทศ”

ทั้งนี้ โครงการทุนวิจัยลอรีอัล “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” หรือ For Women in Science ริเริ่มขึ้นในปี 2540 โดยมูลนิธิลอรีอัล ด้วยความร่วมมือจากยูเนสโก แต่ละปีได้สนับสนุนนักวิจัยสตรีรุ่นใหม่มากกว่า 250 ท่าน ในโครงการระดับประเทศและระดับภูมิภาคทั่วโลก และได้มอบทุนเกียรติยศนานาชาติแก่นักวิจัยสตรีระดับ laureates ไปแล้วกว่า 100 ท่าน

โดยในประเทศไทย โครงการทุนวิจัยลอรีอัล ประเทศไทย “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” มอบทุนวิจัยทุนละ 250,000 บาท ให้กับนักวิจัยสตรีที่มีอายุระหว่าง 25-40 ปี ใน 2 สาขา ได้แก่ สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และสาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ ลอรีอัล ประเทศไทย ได้ดำเนินงานโครงการมาเป็นปีที่ 19

โดยมีนักวิจัยสตรีไทยที่ได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการนี้รวมแล้วทั้งสิ้น 76 ท่าน จาก 20 สถาบัน