เคาะแล้ว! เริ่มลดเงินสมทบ มาตรา 33-39-40 พฤษภาคม-กรกฎาคม 2565

ประกันสังคม

ครม.ไฟเขียวลดอัตราเงินสบทบของผู้ประกันตนประกันสังคม ม.33, 39 และ 40 ระยะเวลา 3 เดือน เริ่มพฤษภาคมนี้ ช่วยแรงงานมีกำลังในการใช้จ่าย และผู้ประกอบการมีสภาพคล่อง

วันที่ 27 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เคาะลดอัตราเงินสบทบของผู้ประกันตนประกันสังคม 3 มาตรา (มาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40) ไปเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 เพื่อให้ลูกจ้างและนายจ้างสามารถมีกำลังในการใช้จ่าย และผู้ประกอบการสามารถมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นในการดำเนินธุรกิจในช่วงถัดไป ซึ่งตอนนี้ได้ข้อสรุปว่าจะเริ่มทำการลดการเก็บเงินสมทบจากนายจ้างและผู้ประกันตนทุกมาตรา เริ่มจากเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2565 เป็นระยะเวลา 3 เดือน

โดยรายละเอียดอัตราการลดแต่ละมาตรามีดังนี้

1. ลูกจ้างและนายจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 ลดจ่ายเงินสมทบจากอัตราที่เท่ากัน 5% ต่อเดือน เหลือเป็น 1% ต่อเดือน ซึ่งปัจุบันมีผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่เป็นลูกจ้างจำนวน 11.2 ล้านคน และนายจ้างจำนวน 5 แสนราย

ยกตัวอย่าง: หากคิดบนฐานเงินเดือน 15,000 บาท จากเดิมต้องส่งเงินสบทบ 750 บาท จะลดลงเหลือส่งเงินสมทบ 150 บาท ทำให้สามารถลดภาระค่าครองชีพไปได้ประมาณ 600 บาทต่อคนต่อเดือน

ขณะที่นายจ้าง หากจ่ายค่าจ้างบนฐานเงินเดือน 15,000 บาทต่อลูกจ้าง 1 คน หากนายจ้างมีลูกจ้าง 1,000 คน จะสามารถลดต้นทุนการผลิตของนายจ้างต่อเดือนลง 600,000 บาท รวมระยะเวลา 3 เดือนเป็นเงินทั้งสิ้น 1,800,000 บาท

2. ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 39 จาก 9% เหลือ 1.9% ปัจจุบันมีผู้ประกันตนมาตรา 39 จำนวน 1.9 ล้านคน

ดังนั้น จากเดิมที่ต้องส่งเงินสมทบ 432 บาท จะลดลงเหลือส่งเงินสมทบ 91 บาท หรือลดภาระค่าครองชีพไปได้ประมาณ 341 บาทต่อคนต่อเดือน

3. ลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 โดยอัตราการจ่ายเงินสมทบมาตรา 40 เข้ากองทุนประกันสังคมมี 3 อัตรา

  • อัตราเดิมจ่ายในอัตรา 70 บาท/เดือน อัตราลดเป็น 42 บาท/เดือน มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน ในกรณีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย
  • อัตราเดิมจ่ายในอัตรา 100 บาท/เดือน อัตราลดเป็น 60 บาท/เดือน มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน ในกรณีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย และกรณีชราภาพ
  • อัตราเดิมจ่ายสมทบ 300 บาท/เดือน อัตราลดเป็น 180 บาท/เดือน มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน ในกรณีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย ชราภาพ และกรณีสงเคราะห์บุตร

เท่ากับว่าช่วยลดภาระค่าครองชีพไปได้ประมาณ 84-360 บาทต่อคนต่อเดือน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกันตนมาตรา 40 จำนวน 10.6 ล้านคน