โรคไขกระดูกฝ่อ โรคนี้ได้ยินชื่อไม่บ่อย แต่ควรรู้จักเอาไว้หน่อย หากมีอาการเข้าข่ายจะได้ไปตรวจวินิจฉัยและรักษาทันก่อนจะอันตราย เพราะโรคนี้เป็นโรคที่อันตรายถึงขั้นทำให้หัวใจล้มเหลวเลยทีเดียว
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลว่า โรคไขกระดูกฝ่อเป็นโรคที่ไขกระดูกไม่สามารถสร้างเซลล์เม็ดเลือดได้ ทำให้ผู้ป่วยเกิดปัญหาโลหิตจาง เลือดออก เนื่องจากเกล็ดเลือดต่ำและติดเชื้อโรคง่าย เนื่องจากเม็ดเลือดขาวต่ำ
ในประเทศไทยพบอัตราการเกิดโรค 4 รายต่อประชากร 1 ล้านคนต่อปี พบบ่อยในช่วงอายุ 15-25 ปี และมากกว่า 60 ปี โดยเพศชายและหญิงพบได้ในอัตราที่เท่า ๆ กัน ส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรค แต่อาจเกิดได้จากโรคทางพันธุกรรม หรือสาเหตุจากปัจจัยที่เกิดภายหลัง ได้แก่ การรับปริมาณรังสีในขนาดสูง ยาเคมีบำบัด สารเบนซินและยาบางชนิด เช่น ยาแก้ข้ออักเสบ ยากันชัก ยาฆ่าเชื้อบางชนิด ยารักษาไทรอยด์เป็นพิษ และภาวะไวรัสตับอักเสบ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
อาการของโรคนี้ ผู้ป่วยจะมีอาการซีดเนื่องจากไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดงลดลง ถ้าเม็ดเลือดแดงในร่างกายต่ำมากจะมีอาการอ่อนเพลีย หอบและเหนื่อยง่าย หากซีดมากอาจทำให้มีภาวะหัวใจล้มเหลวได้ การสร้างเกล็ดเลือดลดลงจะทำให้ผู้ป่วยมีจุดเลือดออกตามตัว มีเลือดออกในช่องปาก ในเพศหญิงอาจมีประจำเดือนมากกว่าปกติ นอกจากนี้ หากผู้ป่วยมีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำจะทำให้ติดเชื้อได้ง่ายโดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา
ด้านนายแพทย์อัครฐาน จิตนุยานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งชลบุรี ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบเม็ดเลือดขาวเม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดของผู้ป่วยลดลงต่ำมาก การทำงานของไขกระดูกพบเซลล์ปกติของไขกระดูกลดลงมาก และมีเซลล์ไขมัน
การรักษาโรคนี้ทำโดยการให้เลือดและรักษาแบบเฉพาะเจาะจง โดยให้เม็ดเลือดแดงในผู้ป่วยที่มีภาวะซีดร่วมกับมีอาการเหนื่อยจากโรคโลหิตจาง และให้เกล็ดเลือดถ้ามีเลือดออกร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำกว่า 10,000/ล. และการรักษาแบบเฉพาะเจาะจงโดยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต ซึ่งจะเลือกวิธีนี้ในกรณีที่โรคมีความรุนแรงและผู้ป่วยอายุน้อยกว่า 40 ปี นอกจากนี้ อาจให้ยากดภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยที่โรครุนแรงไม่สามารถปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตได้ หรือให้ฮอร์โมนเพศชายในผู้ป่วยที่เป็นโรคชนิดไม่รุนแรง
รู้อาการของโรคกันไปแล้ว ต้องหมั่นสังเกตตัวเองและคนในครอบครัวให้ดี ๆ