จากเหตุการณ์ ภูเขาไฟใต้น้ำปะทุ ที่ภูเขาไฟ ฮุงกา ตองกา-ฮุงกา ฮาอาปาย (Hunga Tonga–Hunga Haʻapa) ปะทุเมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 14 มกราคม ค.ศ. 2022 และปะทุซ้ำอีกครั้งช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 15 ม.ค. ทำให้เกิดคลื่นสึนามิซัดเข้าฝั่ง อีกทั้งเกิดผลกระทบถึงปัจจุบันนั้น
ภาพข่าวบันทึกเหตุการณ์นี้ ปรากฏทั้งกลุ่มควัน เถ้าถ่าน พวยพุ่งตลบท้องฟ้า ทั้งยังมีสายฟ้าแลบเป็นระยะ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
บัญชา ธนบุญสมบัติ นักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ผู้ก่อตั้งชมรมคนรักมวลเมฆ และผู้เขียนหนังสือ All about Clouds ให้ข้อมูลทางเพจ ชมรมคนรักมวลเมฆ ว่า จำนวนสายฟ้าในเหตุการณ์นี้สร้างสถิติใหม่สำหรับปรากฏการณ์ volcanic lightning หรือฟ้าแลบที่เกิดจากภูเขาไฟปะทุ
ตามปกติแล้ว การปะทุของภูเขาไฟทำให้เกิดฟ้าแลบได้ เนื่องจากอนุภาคของฝุ่นและขี้เถ้าในกลุ่มควันเกิดการเสียดสีกันเอง หรือเสียดสีกับอนุภาคน้ำแข็งในเมฆที่อยู่ค่อนข้างสูง การเสียดสีทำให้เกิดประจุไฟฟ้าสถิต
ในทางวิชาการเรียกปรากฏการณ์ที่ประจุไฟฟ้าสถิตเกิดขึ้นจากการเสียดสีว่า triboelectricity (ไทรโบอิเล็กทริกซิตี้)
ฟ้าแลบที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟเป็นปัจจัยหนึ่งที่บ่งชี้ถึงภูเขาไฟที่มีเถ้าในปริมาณมาก (ash-rich volcanoes) และฟ้าแลบแบบนี้บางครั้งเกิดขึ้นก่อนที่ภูเขาไฟจะปะทุอย่างเต็มที่ ดังนั้นนักภูเขาไฟวิทยาจึงสามารถใช้เป็นปัจจัยบ่งชี้ได้ว่าอาจเกิดอะไรขึ้นตามมาหลังจากนั้น
ฟ้าแลบที่เกิดจากภูเขาไฟ Hunga Tonga ครั้งนี้ตรวจจับโดย Global Lightning Detection Network (มักเรียกย่อว่า GlD360) ซึ่งตรวจจับสัญญาณคลื่นวิทยุที่เกิดจากฟ้าแลบ
ทั้งนี้ในช่วงที่ภูเขาไฟลูกนี้เริ่มแสดงอาการในช่วงเดือนธันวาคม ค.ศ. 2021 โครงข่าย GLD360 ตรวจจับฟ้าแลบได้หลายร้อยหรืออาจถึงระดับพันครั้งต่อวัน (ซึ่งเป็นค่าปกติที่คาดหมายได้)
แต่เมื่อการปะทุเพิ่มขึ้นใกล้ขีดสุดและถึงขีดสุดในวันเสาร์ที่ 15 มกราคม พบว่าตรวจจับฟ้าแลบได้ระดับหมื่นครั้งและพุ่งสูงถึงระดับ 2 แสนครั้งใน 1 วันตามที่กล่าวมาแล้ว
เหตุการณ์นี้ยังทำให้เกิดฟ้าแลบถี่เป็นสถิติแล้ว ยังเกิดปรากฏการณ์ Meteotsunami
คลื่นกระแทกจากการขยายตัวของอากาศที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟใต้น้ำ ได้มีส่วนผลักมวลน้ำออกไปอย่างรวดเร็ว เรียกว่า Meteotsunami (มีทีโอสึนามิ) นับเป็นสึนามิอีกรูปแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นเสริมสึนามิแบบปกติ
สึนามิแบบปกติเกิดจากการที่ภูเขาไฟปะทุแล้วทำให้ตัวภูเขาไฟยุบตัวลง ส่งผลให้มวลน้ำปริมาณมหาศาลเกิดการเคลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็วและกระเพื่อมออกไปโดยรอบ
คำว่า Meteotsunami มาจากคำว่า meteor ในทางอุตุนิยมวิทยาเป็นคำที่ใช้เรียกปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในบรรยากาศ (meteorology ก็คืออุตุนิยมวิทยา) บวกกับคำว่า สึนามิ
………..
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :