เปิดแคนดิเดตนายกสมาคมบอลไทย คุณสมบัติผู้สมัคร ใครมีสิทธิลงคะแนน

สมาคมบอลไทย
ภาพจาก มติชน

เปิดรายชื่อผู้ประกาศลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย คุณสมบัติ-ลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร และดูว่าใครมีสิทธิลงคะแนนเสียง

วงการฟุตบอลไทยช่วงนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยคนใหม่ เมื่อ “พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” นายกสมาคมคนปัจจุบันกำลังจะหมดวาระลงในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2567 พร้อมประกาศวางมือ หลังจากดำรงตำแหน่งประมุขบอลไทยมานาน 2 วาระ เป็นเวลา 8 ปี แม้ระเบียบใหม่จะเปิดโอกาสให้นายกสมาคมอยู่ในตำแหน่งได้นานสุด 12 ปีก็ตาม

ก่อนหน้ามีผู้แสดงตนลงชิงตำแหน่งนายกสมาคม คือ “นายวรวีร์ มะกูดี” อดีตนายกสมาคม ตามด้วย “เดอะตุ๊ก-ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน” ตำนานกองหน้าทีมชาติไทย และ “พอลลีน-พาลินี งามพริ้ง” อดีตประธานชมรมเชียร์ไทย

ล่าสุด ข่าวใหญ่ไม่กี่วันที่ผ่านมา “มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ” ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี และผู้จัดการทีมชาติไทยก็ประกาศลงชิงตำแหน่งนายกสมาคม บนเวทีการแถลงข่าวที่ขนาบข้างด้วย 2 บิ๊กแห่งไทยลีกอย่าง “นายเนวิน ชิดชอบ” ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด และ “นายปวิณ ภิรมย์ภักดี” ประธานสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด

ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน
ภาพจาก – ข่าวสด

 

หลังจากที่มาดามแป้งประกาศตัวลงชิงตำแหน่งเพียง 1 วัน เดอะตุ๊ก-ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ที่ประกาศลงชิงประมุขบอลไทยมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมก็ประกาศถอนตัวทันที พร้อมให้เหตุผลว่า มาดามแป้งเป็นคนที่มีความพร้อมและคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดที่จะเข้ามาเป็นผู้นำ ด้วยประสบการณ์ 16 ปี บนเส้นทางลูกหนัง

“เมื่อมาดามแป้งยืนยันที่จะลงสมัครนายกสมาคม จึงขอถอนตัวออกไป เพื่อเปิดทางให้คนที่เหมาะสมกว่าเข้ามาทำหน้าที่” ปิยะพงษ์กล่าว

เท่ากับว่าตอนนี้มีผู้ประกาศลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลไทยรวม 3 ราย ได้แก่ บังยี-วรวีร์ มะกูดี, พอลลีน งามพริ้ง และมาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ

มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ

มาดามแป้ง 16 ปีในวงการลูกหนัง

ส่วนหนึ่งในคำแถลงของมาดามแป้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา มาดามแป้งเป็นคนรักฟุตบอลและได้มีโอกาสเข้ามาร่วมทำงานกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯตั้งแต่ปี 2551 จากการเชิญชวนของบังยี-วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมในขณะนั้น ให้เข้ามาเป็นผู้จัดการฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย

เป็นเวลากว่า 12 ปีในการฝ่าฟันพาฟุตบอลหญิงไทยไปแข่งขันในทุกเวที ทั้งในระดับอาเซียน เอเชีย และระดับโลก ในฟุตบอลโลกปี 2558 ที่แคนาดา และฟุตบอลโลกปี 2562 ที่ฝรั่งเศส

ต่อมาในปี 2558 มาดามแป้งได้หันมาบริหารสโมสรฟุตบอลอาชีพ คือ ทีมการท่าเรือ เอฟซี เข้าร่วมการแข่งขันในไทยลีก ซึ่งปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ 8

ในปี 2564 ยังได้รับเกียรติให้เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ จากการแต่งตั้งของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ุม่วง นายกสมาคมคนปัจจุบัน โดยสามารถคว้าแชมป์อาเซียนได้ 2 ครั้ง คือ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 และมิตซูบิชิ อิเล็กทริก คัพ 2022

วรวีร์ มะกูดี
ภาพจาก – มติชน

คุณสมบัติผู้สมัคร ด่านใหญ่บังยี

วรวีร์ มะกูดี เคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯมาแล้วระหว่างปี 2550-2558 ก่อนที่ พล.ต.อ.สมยศจะคว้าเก้าอี้มาครอง การเลือกตั้งครั้งนี้ด่านใหญ่ของบังยี คือ “คุณสมบัติผู้สมัคร”

ข้อบังคับสมาคมบอลไทยฯ เรื่องคุณสมบัติสภากรรมการ (นายกสมาคม เป็นหนึ่งในสภากรรมการ) ข้อที่ 37.3.10 ระบุว่า ต้องไม่เคยถูกสมาคมฟ้องร้อง ไม่ว่าในฐานความผิดใด และไม่ว่าศาลจะได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดหรือไม่ก็ตาม และข้อ 37.3.11 ระบุว่า ต้องไม่เคยถูกคำสั่งลงโทษห้ามยุ่งเกี่ยวกับวงการฟุตบอลจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า), สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) หรือสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (เอเอฟเอฟ)

บังยีเคยถูกฟีฟ่าลงโทษห้ามยุ่งเกี่ยวกับวงการฟุตบอล 5 ปี จากการละเมิดข้อบังคับของฟีฟ่า ในการปลอมแปลงเอกสารในการแก้ไขข้อบังคับของสมาคมฟุตบอลฯ ตั้งแต่ปี 2559 แต่ปัจจุบันคดีที่ถูกฟ้องร้องทั้งหมดตัดสินไปแล้ว และอดีตประมุขบอลไทยรายนี้ชนะทุกคดี เจ้าตัวกล่าวว่า ในเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วตนชนะคดี จึงไม่มีความผิด

ดังนั้น คุณสมบัติของผู้สมัครที่ต้องไม่เคยถูกสมาคมฟ้องร้อง หรือต้องไม่เคยถูกแบนจากฟีฟ่า, เอเอฟซี และเอเอฟเอฟนั้น นายวรวีร์จะยื่นร้องต่อศาลให้คุ้มครอง เพื่อลงสมัครชิงเก้าอี้นายกสมาคมต่อไป

อย่างไรก็ตาม ข้อบังคับเรื่องคุณสมบัติดังกล่าว เคยทำให้นายวรวีร์ถูกสำนักเลขาธิการสมาคม ตัดสิทธิการลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมมาแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2563

อุปสรรคยังไม่หมดเท่านั้น ปัจจุบันบังยีอายุ 72 ปีแล้ว ซึ่งข้อบังคับกำหนดคุณสมบัติผู้สมัครลงชิงนายกสมาคม ระบุไว้ว่า ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 70 ปี ซึ่งอดีตประมุขสมาคมลูกหนังไม่เห็นด้วยและเห็นว่ากฎนี้ไม่เป็นสากล จึงจะนำเรื่องนี้ไปอ้างกับศาลให้คุ้มครองด้วยเช่นกัน

พอลลีน งามพริ้ง
ภาพจาก – เฟซบุ๊กพอลลีน งามพริ้ง

พอลลีน งามพริ้ง เดินหน้าต่อ

สำหรับ พอลลีน งามพริ้ง อดีตประธานชมรมเชียร์ไทย ประกาศพร้อมสู้ศึกในครั้งนี้ต่อ และแสดงความคิดเห็นว่า รู้สึกเสียดายกับการถอนตัวของเดอะตุ๊ก เพราะถ้าเป็นทัศนคติด้านการแข่งขันเชิงกีฬา ก็ควรจะยืนหยัดในจุดยืนที่แตกต่าง และพยายามสู้แม้ว่าจะเสียเปรียบ แต่อย่างไรก็เคารพการตัดสินใจของเดอะตุ๊ก

พอลลีนยังคงเดินหน้าต่อ พร้อมเสนอแนวความคิดให้สโมสรเรียนรู้วิธีขยายฐานแฟนบอลใหม่และเกิด Sustainability ให้กับวงการอย่างฟุตบอลไทย

นอกจากนี้ยังมีเรื่องการพัฒนาสโมสรเล็ก ๆ ให้อยู่รอดในเชิงธุรกิจอย่างยั่งยืน และที่สำคัญคือการพัฒนาองคาพยพของฟุตบอลอย่างครบถ้วนทุกมิติ

โดยพอลลีนได้ประกาศนโยบายภายใต้แนวความคิด Football Transformation ออกมา 7 ข้อ ดังนี้

  1. ปราศจากผลประโยชน์ทับซ้อนทุกประการ มีความรัก และความรู้ฟุตบอลในทุกมิติ
  2. เพิ่มรายได้ จัดหา และดูแลผลประโยชน์ และการตัดสินให้กับทุกสโมสรอย่างเท่าเทียม ไม่มีขั้วอำนาจ
  3. มีความคิดสร้างสรรค์ ขยายตลาด กลุ่มผู้ชม และผู้สนับสนุนฟุตบอลให้กว้างขวางกว่าเดิม
  4. ฟุตบอล 360 องศา สร้างสรรค์เกมฟุตบอลให้ตื่นตาตื่นใจ และมีผลสำเร็จด้านความเป็นเลิศ
  5. ร่วมมือรัฐบาลพัฒนาเยาวชน ผ่านกลไกสโมสร เพิ่มจำนวนนักฟุตบอลเยาวชน สู่อาชีพให้มากกว่าที่เป็นอยู่
  6. ช่วยสโมสรพัฒนาช่องทางสื่อสารการตลาดแบบออนไลน์
  7. พัฒนาสนามและสาธารณูปการที่เกี่ยวกับฟุตบอลให้ได้มาตรฐาน พร้อมใช้อยู่ตลอดเวลา ขอสิทธิประโยชน์ส่งเสริมจากภาครัฐ

คุณสมบัติของผู้สมัครและลักษณะต้องห้าม

  1. มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์และไม่เกิน 70 ปีบริบูรณ์ ในวันเลือกตั้ง
  2. ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในกีฬาฟุตบอลอย่างแท้จริง
  3. ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
  4. ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
  5. ไม่เคยได้รับโทษในคดีอาญา โดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
  6. ไม่เคยถูกนายทะเบียนสั่งให้พ้นจากตำแหน่งกรรมการสมาคม ตามมาตรา 86 (4) แห่งพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย เว้นแต่จะพ้นกำหนด 5 ปีนับแต่วันที่ถูกสั่งให้พ้นจาก ตำแหน่ง
  7. ต้องไม่เคยเป็นผู้กระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่สมาคม
  8. ต้องไม่เคยกระทำการหรืองดเว้นกระทำการในการปฏิบัติหน้าที่ จนทำให้เสื่อมเสีย ประโยชน์ของสมาคม
  9. ต้องไม่เคยกระทําการทุจริตต่อสมาคม
  10. ต้องไม่เคยถูกสมาคมฟ้องร้อง ไม่ว่าในฐานความผิดใด และไม่ว่าศาลจะได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วหรือไม่ก็ตาม
  11. ต้องไม่เคยถูกคำสั่งลงโทษห้ามยุ่งเกี่ยวกับวงการกีฬาฟุตบอลจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน

ใครเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ

หลายคนคงสงสัยว่า ใครเป็นผู้มีสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ตามข้อบังคับของสมาคม ข้อที่ 26 ระบุว่า ตัวแทนผู้มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมใหญ่ ประกอบไปด้วยตัวแทนจากสมาชิกต่าง ๆ ดังนี้

  • สโมสรที่เข้าร่วมการแข่งขันในลีกสูงสุด สโมสรผู้มีสิทธิออกเสียง 1 ราย ออกเสียงได้ 1 เสียง (ทีมจากไทยลีก 1 จำนวน 16 ทีม)
  • สโมสรที่เข้าร่วมการแข่งขันในลีกอันดับที่สอง สโมสรผู้มีสิทธิออกเสียง 1 ราย ออกเสียงได้ 1 เสียง (ทีมจากไทยลีก 2 จำนวน 18 ทีม)
  • สโมสรที่มีคะแนนการแข่งขันอันดับที่ 1-5 ในแต่ละโซนของลีกอันดับที่สาม สโมสรผู้มีสิทธิออกเสียง 1 ราย ออกเสียงได้ 1 เสียง (ทีมอันดับ 1-5 จากไทยลีก 3 แต่ละโซน จำนวน 30 ทีม)
  • สโมสรชนะเลิศในลีกสมัครเล่น สโมสรผู้มีสิทธิออกเสียง 1 ราย ออกเสียงได้ 1 เสียง (ทีมที่ชนะเลิศในลีกสมัครเล่น 1 ทีม)
  • สโมสรชนะเลิศและรองชนะเลิศของลีกสูงสุดกีฬาฟุตซอลชาย สโมสรผู้มีสิทธิออกเสียง 1 ราย ออกเสียงได้ 1 เสียง (ทีมชนะเลิศและอันดับ 2 ในฟุตซอลไทยลีก จำนวน 2 ทีม)
  • สโมสรชนะเลิศและรองชนะเลิศของลีกสูงสุดกีฬาฟุตบอลลีกหญิง สโมสรผู้มีสิทธิออกเสียง 1 ราย ออกเสียงได้ 1 เสียง (ทีมชนะเลิศและอันดับ 2 ในฟุตบอลลีกหญิง จำนวน 2 ทีม)
  • สำหรับทีมชนะเลิศของลีกสูงสุดกีฬาฟุตซอลหญิง สโมสรผู้มีสิทธิออกเสียง 1 ราย ออก เสียงได้ 1 เสียง (ทีมที่ชนะเลิศในฟุตซอลลีกหญิง 1 ทีม)
  • สำหรับทีมชนะเลิศของลีกสูงสุดกีฬาฟุตบอลชายหาด สโมสรผู้มีสิทธิออกเสียง 1 ราย ออกเสียงได้ 1 เสียง (ทีมที่ชนะเลิศฟุตบอลชายหาด 1 ทีม)
  • สมาคมนักกีฬาฟุตบอลอาชีพ ที่สมาคมและสหพันธ์สมาคมนักกีฬาฟุตบอลอาชีพ (FIFPro) รับรองแล้ว มีสิทธิออกเสียงได้ 1 เสียง (สมาคมนักกีฬาฟุตบอลอาชีพ 1 เสียง)

ดังนั้นผู้มีสิทธิเลือกนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯจะมีทั้งสิ้น 72 เสียง