โรนัลโด้ เอฟเฟ็กต์ แรงสะเทือนทางการเงิน-กระแสลูกหนัง

อาฮุย แผ่นดินใหญ่ : เรื่อง

มหกรรมลูกหนังโลกปิดฉากไปแล้วตามมาด้วยข่าวย้ายทีมสะเทือนวงการลูกหนังอีกครั้ง เมื่อคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงโปรตุเกส วัย 33 ปี ประกาศย้ายจากเรอัล มาดริด มาร่วมทีมยูเวนตุส แห่งศึกเซเรีย อา อิตาลี ด้วยค่าตัวประมาณ 100 ล้านยูโร รวมค่าเหนื่อยและภาษีแล้ว ทีมม้าลายต้องควักไม่ต่ำกว่า 300 ล้านปอนด์ แต่เชื่อว่าตัวเลขนี้คุ้มค่ามากสำหรับสโมสรและลีกเมืองมะกะโรนี

รายงานข่าวจากสื่อหลายแห่งยืนยันว่า ยูเวนตุสตกลงค่าเหนื่อยโรนัลโด้เกือบ6 แสนยูโรต่อสัปดาห์ ค่าเหนื่อยต่อปีรวมแล้วมากถึง 30 ล้านยูโร ซึ่งยูเวนตุสต้องจ่ายภาษีด้วยตัวเลขเท่ากันตลอดสัญญา หมายความว่าดีลทั้งหมดรวมระยะเวลา 4 ปีมีมูลค่ามากถึง 340 ล้านยูโร (ค่าตัว 100 ล้าน ค่าเหนื่อย 120 ล้าน และภาษี 120 ล้าน)

ยูเว่ได้ตัวช่วยเป็นแบรนด์รถยนต์ลือชื่อของอิตาลีอย่าง “เฟียต” เป็นผู้สนับสนุนค่าเหนื่อย 120 ล้านยูโรตลอด 4 ปี (บริษัทที่เป็นเจ้าของแบรนด์เฟียตบริหารทีมยูเวนตุสด้วย) แม้ดีลนี้จะทำให้คนงานของโรงงานเฟียตถึงกับหยุดงานประท้วง เพราะไม่พอใจการลงทุนที่ไปสนับสนุนบุคคลคนเดียวแทนที่จะใช้เงินมหาศาลนี้การันตีสภาพความเป็นอยู่ของคนนับพัน แต่ในอีกด้านหนึ่ง นักวิเคราะห์และกูรูทางการตลาดกีฬาเชื่อมั่นว่า ดีลนี้ไม่เพียงแค่ส่งผลดีต่อทีมและให้ผลตอบแทนทางการเงินต่อยูเว่เท่านั้น แต่ยังปลุกลูกหนังเซเรีย อา อิตาลี ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ก่อนพูดถึงบรรยากาศหลังการย้ายทีม ถ้าย้อนความทรงจำกลับไป 7 ปีที่ผ่านมา ยูเวนตุสได้แชมป์เซเรีย อา 7 สมัยติดต่อกันโดยไม่มีโรนัลโด้ คำถามคือ การซื้อนักเตะอายุ 33 และเลยจุดสูงสุดของอาชีพค้าแข้งไปแล้วจะยกระดับทีมได้มากน้อยแค่ไหน 

คำถามที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ยูเวนตุสซื้อโรนัลโด้ด้วยดีลมหาศาลแบบนี้ด้วยเหตุผลเรื่องเงินมากกว่าฟุตบอล เมื่อเทียบศักยภาพทีมก่อนหน้าจะมีโรนัลโด้ กับสโมสรร่วมลีก

ยูเว่ไม่ต้องการดีลนี้ด้วยซ้ำ แต่ในการแข่งในสนามระดับทวีป โรนัลโด้ยังช่วยยกระดับทีมได้ แม้อายุจะปาเข้าไป 33 แล้ว แต่สถิติฤดูกาลที่แล้ว ดาวยิงเจ้าของบัลลงดอร์ 5 สมัยก็ยังซัลโวมากระดับ 44 ประตู

คำตอบของคำถามข้างต้น คงต้องไปดูที่ผลงานในสนามจริง และเชื่อว่าแฟนบอลแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นนักเตะแถวหน้าของโลกลงเล่นในเสื้อทีมยูเวนตุส แต่ถ้าจะพูดถึงผลลัพธ์ต่อการเงินของทีม โรนัลโด้ส่งอิทธิพลเชิงบวกต่อทีมม้าลายตั้งแต่มีข่าวลือเรื่องตกลงสัญญาได้จนปิดท้ายวันซึ่งมีรายงานว่าหุ้นของทีมเพิ่มสูงขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์ มูลค่ารวมของทีมเพิ่มจาก 665 ล้านปอนด์มาเป็น 815 ล้านปอนด์ มูลค่าที่เพิ่มเข้ามาแทบมากกว่าค่าตัวแล้ว

ยอดขายเสื้อของโรนัลโด้ทะลุตัวเลข 5.2 แสนตัวภายใน 24 ชั่วโมงหลังประกาศยืนยันย้ายทีม ตัวเลขนี้ยังนับรวมไม่ถึง 2 วันด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับยอดขายเสื้อของยูเวนตุสในฤดูกาล 2016-2017 ซึ่งยูเว่ขายเสื้อได้ 8.5 แสนตัว มูลค่าตัวละประมาณ 105 ยูโร รายได้จากการขายเสื้อรวมแล้วมีมูลค่า 54.6 ล้านยูโร เกือบครึ่งหนึ่งของค่าตัวในการย้ายทีม

สื่อต่างประเทศระบุว่า ส่วนแบ่งที่สโมสรจะได้รับจากแบรนด์ที่ผลิตเสื้อแข่ง (อาดิดาส) อยู่ที่ประมาณร้อยละ 10-15 จากราคาเต็ม เท่ากับว่าหลังเซ็นสัญญาไม่กี่วัน สโมสรสามารถทำรายได้จากเสื้อโรนัลโด้ด้วยตัวเลขสูงสุดอยู่ที่ 8.19 ล้านยูโร

ยุคแห่งฟุตบอลสเปนที่มี “เมสซี่ VS โรนัลโด้” จบลงจากการย้ายทีมครั้งนี้ ผลดีต่อยูเว่ที่มีแต่ได้กับได้ ยังส่งผลต่อบรรยากาศลูกหนังอิตาลี และ 4 ปีในระยะเวลาสัญญามีผลกับธุรกิจสื่อและถ่ายทอดสดพอสมควร แฟนบอลอยากดูโรนัลโด้เล่นกับยูเวนตุส

ดวลกับทีมในเซเรีย อา ผู้ให้บริการที่ได้ลิขสิทธิ์ไปย่อมได้รับผลประโยชน์ทางธุรกิจ จำนวนผู้ชม หรือสมาชิกที่มากขึ้นก็หมายถึงแรงดึงดูดโฆษณาที่มากขึ้นเช่นกัน

ขณะที่เซเรีย อาก็ได้ประโยชน์จากความสนใจ ทีมระดับหัวแถวที่ขับเคี่ยวกับยูเวนตุสมาตลอด 7 ปี (ถึงจะล้มยักษ์ไม่ไหวก็เถอะ) ทุกสายตาที่จับจ้องโรนัลโด้และยูเว่ สะท้อนมาถึงทีมคู่แข่งด้วย ไม่ว่าจะเป็นทีมจากมิลาน, โรม หรือเนเปิลส์ ถ้าทำผลงานได้ดีก็มีโอกาสเพิ่มฐานแฟนมากขึ้น ลีกอิตาลีย่อมมีผู้ติดตามมากขึ้นตามไปด้วย และนี่คืออีกหนึ่งโอกาสสำคัญในการพิสูจน์ตัวเอง หลังจากอิตาลีไม่มีสตาร์ดังหลังหมดยุครุ่งเรืองของทีมจากมิลาน และบรรยากาศซบเซาเมื่อยูเวนตุสต้องไปเล่นเซเรีย บี จากคดีอื้อฉาว และต้องสร้างทีมใหม่นาน 6 ปีก่อนจะเริ่มทวงแชมป์คืนและยืนระยะกวาดแชมป์ 7 ปีรวด

ความยิ่งใหญ่หลังกวาดแชมป์ยาวนานนี้ยังต้องการเติมเต็มด้วยความสำเร็จระดับทวีปและสถานะการเงิน ปีนี้ยูเวนตุสยังรั้งอันดับ 10 ในตารางจัดอันดับความสามารถในการทำรายได้ของสโมสรฟุตบอลแถวหน้าของโลก แต่หลังจากการย้ายทีมครั้งสำคัญในปีนี้ แฟนบอลและนักการตลาดกีฬาต้องจับตาแรงสั่นสะเทือนครั้งนี้เป็นพิเศษ