ผอ.ช้างศึกแย้มยอดอัดฉีดเฉียด 50 ล้าน หากถึงตัดเชือก-ล็อกสเปกโค้ชใหม่

ความเคลื่อนไหวการแข่งขันฟุตบอล เอเชี่ยนคัพ 2019 หลังทีมชาติไทยสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ในรอบ 47 ปี พบกับ ทีมชาติจีน ที่สนาม ฮัสซา บิน ซายิด สเตเดียม ที่เมืองอัล ไอน์ ในวันที่ 20 มกราคม 2562 เวลา 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD และ FOX Sports HD

นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ผู้อำนวยการทีมชาติไทย ชุดเอเชี่ยนคัพ 2019 เผยว่า การที่ทีมชาติไทยผ่านเข้ามาถึงรอบนี้ได้ถือว่าเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมแล้ว นักเตะทุกคนมุ่งมั่นทำงานอย่างหนัก ตรงนี้ต้องให้เครดิตเขา อย่างไรก็ตาม งานของเรายังไม่จบ เรายังมีงานในรอบ 16 ทีมรออยู่ ซึ่งที่ผ่านมาเรามีทีมงานวิเคราะห์เกม ทุกเกม รวมถึงเกมที่ทีมชาติ จีน พ่าย เกาหลีใต้ด้วย

“ต้องยอมรับว่าการพบกับทีมชาติจีน น่าจะเป็นงานง่ายกว่าการพบเกาหลีใต้ เพราะเกาหลีใต้เป็นทีมที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังไปแข่งขันฟุตบอลโลกมาแล้วหลายครั้ง การพบกับจีนถือว่าเป็นทีมระดับไม่ห่างกันมากนัก น่าจะเป็นเกมที่สนุกอีกเกมของทีมชาติไทย เชื่อว่าหากไทยเล่นได้เหมือน 2 นัดที่ผ่านมานน่าจะสามารถผ่านทีมชาติจีนไปได้”

“ส่วนเรื่องเงินอัดฉีด นัดเจอบาห์เรน บอกไว้ว่าอัดฉีดลูกละ 5 ล้าน ซึ่งไทยชนะ 1-0 ก็รับไป 5ล้านบาท ส่วนเกมเสมอ ยูเออี อัดฉีก 10 ล้านบาท ทำให้ยอดเงิน ณ ตอนนี้ 15 ล้านบาท แล้ว อย่างไรก็ตาม มีกระแสว่าหากทีมชาติไทยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ มีกลุ่มทุนพร้อมทุ่มเงินอัดฉีด เฉียด 50 ล้านบาทนั้น ส่วนตัวยังไม่ทราบเรื่องว่าเป็นใคร ทว่ายืนยันว่ายอดเงินอัดฉีดในรอบต่อๆ ไปจะไม่น้อยกว่ารอบที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ซึ่งจะถึง 50 ล้านหรือไม่นั้น คงต้องขอดูอีกครั้งว่าจะมีผู้สนใจร่วมสมทบมากน้อยขนาดไหน”

ผู้อำนวยการทีมชาติไทย กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องโค้ชนั้น ส่วนตัวมองว่า อยากจะได้ส่วนผสมของโค้ชต่างชาติที่มีฝีมือ กับโค้ชคนไทย ที่ผ่านมาโค้ชต่างชาติมักมีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่กลับเป็นโค้ชคนไทยที่รู้จักตัวนักเตะดีที่สุด ดังนั้นหากโค้ชทั้ง 2 ฝ่ายมีอำนาจเท่าๆ กันในการบริหารจัดการน่าจะเป็นอะไรที่ลงตัว และเกิดผลดีกับทีมชาติไทยมากที่สุด

 

ที่มา  มติชนออนไลน์