ททท.อัดแคมเปญโค้งท้าย เจาะทุกกลุ่มกระตุ้น “ไทยเที่ยวไทย”

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์

ปี 2565 นี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าสำหรับตลาด “ไทยเที่ยวไทย” ไว้ที่จำนวน 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 6.56 แสนล้านบาท

แต่ปรากฏการณ์ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องมาตั้งแต่กลางเดือนกันยายนกระทั่งถึงขณะนี้ได้ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่หลายจังหวัดทั่วประเทศ ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยเที่ยวในประเทศ บวกกับนโยบายการเปิดประเทศของทุกประเทศทั่วโลก (ยกเว้นจีน) ทำให้คนไทยบางส่วนหันไปเที่ยวต่างประเทศกันมากขึ้น

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถึงแนวทางการกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของกลุ่มคนไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ไว้ดังนี้

“ฝนตก-น้ำท่วม” กระทบสั้น

“ฐาปนีย์” บอกว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ตั้งแต่เดือนตุลาคม-สิ้นเดือนธันวาคม 2565 นี้ ททท.มีแผนอัดการตลาดทุกรูปแบบ ทั้งอีเวนต์ โปรโมชั่น และแพ็กเกจการเดินทางในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเจาะถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย และในทุกช่วงเวลา เนื่องจากในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้เป็นฤดูกาลของการเดินทางท่องเที่ยว ทั้งตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศและคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศ

โดยยอมรับว่าในช่วงตั้งแต่กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้หลายจังหวัดของประเทศประสบปัญหาฝนตกหนักและมีน้ำท่วม บวกกับหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ หรือ “ไทยเที่ยวไทย”

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสถานการณ์ฝนตกหนักและน้ำท่วมในหลายจังหวัดจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในระยะสั้น

อัดแคมเปญ “ทางบก-อากาศ”

“ฐาปนีย์” บอกด้วยว่า ขณะนี้ ททท.ออกมาตรการกระตุ้นการเดินทางภายในประเทศทุกรูปแบบ ทั้งการเดินทางทางบก ทางอากาศ ทางรถไฟ และทางน้ำ โดยในส่วนของการเดินทางทางรถนั้นได้เริ่มทำแคมเปญไปแล้วคือ “Amazing Thailand รถทัวร์ทั่วไทย” ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 2565

โดยสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้แก่บริษัทนำเที่ยวในส่วนของค่ารถโดยสารไม่ประจำทาง (รถบัส) คันละ 10,000 บาท/วัน/คัน แต่ไม่เกิน 40,000 บาท/คัน สำหรับรายการนำเที่ยวที่มีการเดินทางพักค้างคืนข้ามจังหวัดไม่น้อยกว่า 2 วัน 1 คืน

ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการขนส่งรถบัส-รถขนส่งสาธารณะไม่ประจำทางที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 และกระตุ้นให้เกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทย กระจายรายได้สู่ชุมชน

“ตอนนี้กำลังพิจารณาเพิ่มเติมให้สำหรับการเดินทางไปกับทัวร์ (รถบัส) แบบไปเช้า-เย็นกลับ แต่ก็คงต้องรอดูผลตอบรับของแคมเปญแรกที่ออกไปก่อนแล้วค่อยมาดีไซน์รูปแบบใหม่กันอีกครั้ง”

ส่วนการเดินทางทางอากาศนั้น ททท.ได้ทำแคมเปญ “ลดทั่วฟ้า บินทั่วไทย” ร่วมกับ 6 สายการบินภายในประเทศ ด้วยการให้ส่วนลดพิเศษ 300 บาทต่อหมายเลขการจอง จำนวน 500,000 สิทธิ โดยเปิดให้จองไปแล้วตั้งแต่ 19 กันยายน และจะสิ้นสุดวันที่ 10 ตุลาคม 2565

โดยแคมเปญดังกล่าวนี้จะเริ่มเดินทางตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน-31 ธันวาคม 2565 ไม่มีวันหยุด ดังนั้น ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้บรรยากาศการเดินทางภายในประเทศจะคึกคักมาก

“ตอนนี้เราได้รับข้อมูลว่าทุกสายการบินมียอดบุ๊กกิ้งที่ดีมาก ทำให้สายการบินเกิดความเชื่อมั่นในการเอาเครื่องบินที่หยุดบินมาเติมในส่วนของเส้นทางที่มีดีมานด์ของการเดินทางแล้ว”

จ่อกระตุ้น “ทางน้ำ-รถไฟ”

“ฐาปนีย์” บอกอีกว่า สำหรับแผนการกระตุ้นการเดินทางทางน้ำและทางรถไฟนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลว่าจะสามารถกระตุ้นการเดินทางโดยรถไฟได้อย่างไรบ้าง จากนั้นจะร่วมมือกับการรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินงานในระยะต่อไป

เช่นเดียวกับการสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวทางน้ำที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยจะวิเคราะห์ตลาดและทำแพ็กเกจสำหรับการท่องเที่ยวทางน้ำที่ได้รับความนิยม เช่น แพ็กเกจการท่องเที่ยวโดยเรือยอชต์ เป็นต้น

อัดสารพัดแคมเปญเจาะทุกกลุ่ม

รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บอกอีกว่า นอกจากมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการเพื่อให้คนไทยเกิดการเดินทางมากขึ้นแล้ว ททท.ยังออกสารพัดแคมเปญและโปรโมชั่นออกมากระตุ้นอย่างต่อเนื่อง

ยกตัวอย่างเช่น โครงการ Workation Thailand เพื่อส่งเสริมให้เกิดกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบ workation ซึ่งได้รับการตอบรับดีมากจากกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยว ทั้งที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร ฯลฯ ซึ่งขณะนี้ได้มีการพูดคุยกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อให้บุคลากรในหน่วยงาน หรือองค์กรต่าง ๆ สามารถทำงานนอกสถานที่ เปลี่ยนให้โรงแรม รีสอร์ตเป็นสถานที่ทำงาน

โดยเร็ว ๆ นี้จะมีแคมเปญที่เรียกว่า “เที่ยวได้งาน ผู้ประกอบการได้เงิน” ออกมารองรับ ซึ่งผู้ประกอบการเองก็พร้อมสนับสนุนและนำเสนอแพ็กเกจต่าง ๆ ให้กับบุคลากรของภาครัฐด้วยเช่นกัน

หรือโครงการ Stylecation “ชวนเที่ยวไทย…แบบที่ใช่สไตล์ที่ชอบ” ที่นำเสนอผ่านกลยุทธ์ Celebrity Marketing ผ่านเซเลบคนดังที่จะมาเป็นผู้นำการท่องเที่ยวแบบมีสไตล์เฉพาะตัวของแต่ละคน เช่น ร่วมกับสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ด้านดาราศาสตร์ กับกิจกรรม “ชวนเธอ ไปชมดาว” ในช่วงปลายฝนต้นหนาวที่ท้องฟ้าเริ่มมืด

รวมถึงโครงการ “เที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึง” กับกิจกรรม “วงล้อแห่งความคิดถึง” ผ่านเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/thailandimissyou เป็นการหมุนวงล้อลุ้นรับ voucher ราคาพิเศษ สำหรับสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวไทย เป็นต้น

นอกจากนี้ยังร่วมกับสมาคมกรีฑาโลกจัดงานชิงแชมป์โลกวิ่งเทรลภูเขาเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ช่วง 3-6 พ.ย.65 ที่เชียงใหม่ พร้อมทั้งย้ายการจัดประชุมและสัมนากรีฑาโลกมาจัดที่กรุงเพทฯ ช่วง 30 พ.ย.-3 ธ.ค. 65 ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกอีเวนต์หนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนกระแสการเดินทางภายในประเทศ

ชวนคนเที่ยวนอกมาเที่ยวไทย

ขณะที่ปัจจัยเรื่องคนไทยหันไปเที่ยวต่างประเทศนั้น “ฐาปนีย์” บอกว่า คงไม่มีมาตรการอะไรไปห้ามได้ เพราะเวลานี้ทุกประเทศเปิดกว้างพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวกันหมด คนไทยจำนวนมากที่เคยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศก็อยู่ในภาวะอัดอั้นมากว่า 2 ปีแล้ว

ขณะที่นักท่องเที่ยวในประเทศอื่น ๆ ก็อยากมาเที่ยวเมืองไทยเช่นกัน ซึ่งก็ถือเป็นการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกัน

พร้อมทิ้งท้ายว่า การทำแคมเปญของ ททท. ขณะนี้จะเจาะทุกกลุ่มเป้าหมายและในทุกช่วงเวลา ทั้งวันหยุด วันธรรมดา ฯลฯ เพราะอยากให้คนไทยที่ไม่มีแผนไปเที่ยวต่างประเทศออกมาเที่ยวภายในประเทศให้มากขึ้น และจูงใจให้คนไทยที่ไปเที่ยวต่างประเทศหันมาเที่ยวภายในประเทศด้วย

โดยมีเป้าหมายคนไทยเที่ยวในประเทศปีนี้จำนวน 160 ล้านคน-ครั้ง และสร้างรายได้กว่า 6.56 แสนล้านบาท