ทีเส็บ หนุนจัดงานแสดงสินค้าในประเทศ

ทีเส็บ

“ทีเส็บ” เร่งผลักดันแผนการจัดงานแสดงสินค้าในประเทศ ผนึกพลังภาคีเครือข่าย 11 หน่วยงาน เปิดแคมเปญ SPIRE Thailand ผ่าน 2 แพ็กเกจ อัดงบฯอุดหนุนการจัดงาน 7 แสน-1 ล้านบาท หนุน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายหลักของไทย หวังสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนกระจายสู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 7.8 พันล้าน

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ เปิดเผยว่า ทีเส็บจะเร่งผลักดันแผนขับเคลื่อนและสร้างการเติบโตให้กับตลาดการจัดงานแสดงสินค้าและประชุมสัมมนาในประเทศในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดการจัดงานแสดงสินค้าคึกคักที่สุด และมีจำนวนการจัดงานแสดงสินค้าสูงสุดในรอบปี

พร้อมทั้งขับเคลื่อนแผนสร้างการเติบโตของตลาดการจัดงานแสดงสินค้าในประเทศต่อเนื่องในปีงบประมาณ 2566 โดยผนึกกำลังหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 11 หน่วยงาน ภายใต้โครงการ EMTEX : Empower Thailand Exhibition เปิดแคมเปญกระตุ้นการตลาดการจัดงานแสดงสินค้าร่วมกันภายใต้ชื่อ “SPIRE Thailand : Strengthen Power In Regional Exhibitions”

ทั้งนี้ มองว่าการเปิดตัวแคมเปญ SPIRE Thailand มุ่งหวังว่าจะช่วยสร้างความตื่นตัวในตลาดงานแสดงสินค้าในประเทศซึ่งนิยมจัดกันในช่วงปลายปี โดยแคมเปญดังกล่าวมอบแพ็กเกจการสนับสนุนร่วมกับพันธมิตรทั้ง 11 หน่วยงาน ประกอบด้วย

การสนับสนุนงบประมาณส่งเสริมการจัดงานแสดงสินค้าในประเทศ ผ่าน 2 แพ็กเกจหลัก คือ 1.แพ็กเกจ “Clustering Show” สนับสนุนงานแสดงสินค้าทั่วไปในวงเงินไม่เกิน 700,000 บาทต่องาน โดยเป็นงานที่ส่งเสริม 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายหลัก และต้องมีระบบการลงทะเบียนเข้างาน รวมถึงการเก็บฐานข้อมูลที่ชัดเจน

และ 2.แพ็กเกจ “Regional Best Show” สนับสนุนงานแสดงสินค้าระดับภูมิภาคในวงเงินไม่เกิน 1,000,000 บาทต่องาน เป็นงานที่ส่งเสริม 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายหลัก มีขนาดการจัดงานทั้งหมดมากกว่า 3,000 ตารางเมตร

โดยมีสินค้าและบริการครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายระดับภูมิภาคหรือข้ามภูมิภาค และอยู่ภายใต้การบูรณาการความร่วมมือจากเครือข่ายภาคี EMTEX ไม่ต่ำกว่า 3 หน่วยงาน รวมถึงมีการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการด้วยกันเองแบบ business to business หรือ B2B

นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนเพิ่มเติม (nonfinancial) โดยทีเส็บจะเป็นเจ้าภาพตัวกลางประสานงานหลักกับ 11 หน่วยงานพันธมิตร เพื่อบูรณาการความร่วมมือการสนับสนุนผู้จัดงานแสดงสินค้าใน 7 ด้าน ได้แก่ 1.ฐานข้อมูลผู้ร่วมแสดงงาน 2.ฐานข้อมูลผู้ซื้อในงาน 3.เครือข่ายท้องถิ่น 4.องค์ความรู้ อบรม สัมมนา 5.ข้อมูลเชิงลึกของอุตสาหกรรมและตลาดเป้าหมาย 6.การหาแหล่งเงินทุน/เงินสนับสนุน และ 7.การประชาสัมพันธ์

“เราคาดการณ์ว่าจะสร้างผลต่อเนื่องทางเศรษฐกิจราว 7,802 ล้านบาท” นายจิรุตถ์กล่าวและว่า สำหรับหน่วยงานพันธมิตรทั้ง 11 หน่วยงาน ภายใต้โครงการ EMTEX ประกอบด้วย

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, กรมการพัฒนาชุมชน, กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ, กรมส่งเสริมสหกรณ์, กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน, สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, หอการค้าไทย และสมาคมการแสดงสินค้า (ไทย)

ส่วนสินค้าใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มอาหาร เกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ 2.กลุ่มสาธารณสุข สุขภาพ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ 3.กลุ่มเครื่องมืออุปกรณ์อัจฉริยะ หุ่นยนต์และระบบเครื่องกลที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุม รวมถึงกลุ่มดิจิทัลเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่อการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมองกลฝังตัว

4.กลุ่มพลังงานทางเลือก รถยนต์ โลจิสติกส์ และคลังสินค้า และ 5.กลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ วัฒนธรรม การท่องเที่ยวและบริการที่มีมูลค่าสูง

“การจัดงานแสดงสินค้าสามารถสร้างรายได้เข้าสู่ห่วงโซ่ธุรกิจและเป็นแพลตฟอร์มในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการสนับสนุนผู้ประกอบการกลุ่ม SMEs ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ฐานงานแสดงสินค้าเป็นเครื่องมือทำการตลาด ซึ่งทีเส็บและหน่วยงานพันธมิตรมั่นใจว่าจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดธุรกรรมทางเศรษฐกิจได้ในระยะเวลารวดเร็ว และมั่นคงยั่งยืนในระยะยาว” นายจิรุตถ์กล่าว

นายจิรุตถ์กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับปีงบประมาณ 2565 ที่ผ่านมา ทีเส็บได้สนับสนุนงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศจำนวน 52 งาน แบ่งเป็น การจัดงานแสดงสินค้าในประเทศจำนวน 19 งาน และงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติจำนวน 33 งาน สร้างผลต่อเนื่องทางเศรษฐกิจกว่า 14,789 ล้านบาท กระจายสู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ