เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2561 ในงานมหกรรมดิจิทัลระดับนานาชาติ “Digital Thailand Big Bang 2018: Thailand Big Data” มีการเสวนาหัวข้อ “การท่องเที่ยวในยุคดิจิทัล” โดย “ธีร์ ฉายากุล” Country Manager จากทราเวลโลก้า
“ธีร์ ฉายากุล” เล่าถึงจุดเริ่มต้นของทราเวลโลก้าว่า ทราเวลโลก้า เริ่มต้นขึ้นในปี 2012 ที่อินโดนีเซีย โดยเริ่มต้นจากกการจองตั๋วเครื่องบิน จากนั้นในปี 2014 เพิ่มการจองโรงแรมเข้ามา ในปี 2015 ทราเวลโลก้าเริ่มขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
นอกจากนั้น “ธีร์” ยังฉายภาพถึงการเจริญเติบโตของดิจิทัลมาร์เก็ตในเอเชียตะวันอออกเฉียงใต้ว่า จะเติบโต 15 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2025 1ใน 3 นั้นเป็นเรื่องของออนไลน์ทราเวล
สำหรับทราเวลโลก้าในประเทศไทย ในปี 2015เติบโตอยู่ที่ 3.9 พันล้านดอลลาร์ มีการใช้ผ่านช่องทางออนไลน์ 36 เปอร์เซ็นต์ และจะโตเพิ่มขึ้นอีก 5 เท่าภายในปี 2025 เป็น 19.8 พันล้านดอลลาร์ และมีการใช้ผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มเป็น 69 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่ข้อมูลการเสิร์จคำค้นจากกูเกิลปี 2018 นั้นพบว่า คำค้นในหมวดหมู่ท่องเที่ยวที่คนไทยค้นหามากที่สุดคือ ราคาตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม ที่พักเกาะล้าน โปรโมชั่นตั๋วเครื่องบิน สถานที่ท่องเที่ยว ฯลฯ
ในด้านของบิ๊กดาต้านั้น “ธีร์” ระบุว่า ทราเวลโลก้า มองเรื่องบิ๊กต้าด้วย 4V คือ Volume velrocity Variety และ Veracity สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความถูกต้องของข้อมูล ไม่ว่าเราจะมีข้อมูลมากมากขนาดไหน แต่ถ้าเราวิเคราะห์ข้อมูลออกผิด ทุกอย่างมันก็จบ ข้อมูลเหล่านั้นมันก็จะไม่มีคุณค่า
นอกจากนี้สิ่งที่ทราเวลโลก้าให้ความสำคัญคือ ความเข้าใจในลูกค้า เพื่อที่จะหาโมเดลที่ตอบโจทย์ทั้งลูกค้า และซัพพลายเออร์
“ถ้าเรามมีบิ๊กดาต้าแล้ว เราจะทำอย่างไรให้ข้อมูลเหล่านั้นมีคุณค่ามากที่สุด เพาะถเ้าเราดูบิ๊กดาต้าแค่ความสนใจ มันก็จะไม่มีคุณค่าอะไรเลย เพราะฉะนะนั้นเราต้องคิดวิเคราะห์ และทำให้มันกระจายครอบคลุมกลุ่มบุคคลให้เยอะที่สุด”
ส่วนมุมมองด้านเทรนด์ในอนาคตของดิจิทัลทัวร์ริซึ่มนั้น โมบายออนไลน์มาแรงมากขึ้น ผู้คนจะไม่หันกลับไปใช้ออฟไลน์ เดสท็อปอีกแล้ว พร้อมกับจะมีนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นจากบิ๊กดาต้า และเจาะลึกเข้าถึงตัวบุคคลามากขึ้น
