นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เปิดเผยว่า ขณะนี้บางกอกแอร์เวย์สมีแผนจะขยายการลงทุนให้ครอบคลุมธุรกิจการบินต่าง ๆ
มากขึ้น โดยเฉพาะดิวตี้ฟรีและศูนย์ซ่อมบำรุง (MRO) ที่มีโอกาสเติบโตสูง สำหรับการประมูลดิวตี้ฟรีและพื้นที่การค้าในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่จะเกิดขึ้นบริษัทได้เตรียมจะประมูลทั้งส่วนของดิวตี้ฟรีและพื้นที่พาณิชย์ โดยได้มองหาพาร์ตเนอร์เชี่ยวชาญในธุรกิจดิวตี้ฟรีจากยุโรปมาเสริม ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการคุยในรายละเอียด 2 ราย ก่อนตัดสินใจเลือกเจ้าใดเจ้าหนึ่ง
นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจโครงการเมืองการบินอู่ตะเภา แต่เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมหลายส่วนทั้งอาคารผู้โดยสาร ดิวตี้ฟรี พื้นที่พาณิชย์ คลังสินค้า ศูนย์ซ่อมบำรุง
ลานจอด ฟรีโซน และอื่น ๆ ทำให้ต้องมีการจับมือกับพันธมิตรถ้าหากจะร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว
นอกจากการขยายการลงทุนในธุรกิจการบินต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว บางกอกแอร์เวย์สยังมีแผนจะจัดซื้อฝูงบินใหม่ เพื่อมาทดแทนเครื่องบินเจ็ตเช่า 24 ลำ ที่กำลังจะทยอยหมดสัญญาภายใน 6 ปี
ข้างหน้า โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียด หากได้เงื่อนไขที่ดีจากบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ บริษัทก็อาจจะตัดสินใจซื้อรวดเดียว 24 ลำเลย และจะทยอยรับมอบเข้ามาแทนเครื่องที่หมดสัญญา ซึ่งคาดว่าน่าจะสรุปเรื่องนี้ได้ภายในเดือนมกราคมปีหน้า
นายพุฒิพงศ์ยังกล่าวถึงผลประกอบการ 9 เดือนที่ผ่านมาว่า มีกำไรประมาณ 700 กว่าล้านบาท มีผู้โดยสาร 6 ล้านคนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1% อัตราบรรทุกผู้โดยสารอยู่ที่ 69% ซึ่งไม่โตตามเป้าที่ตั้งไว้ เนื่องจากตลาดแข่งขันสูง และนักท่องเที่ยวจีนลดลง และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์ในไตรมาส 4 จะค่อย ๆ ดีขึ้น จากมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐออกมาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว
“ช่วงครึ่งปีหลังนี้ผู้โดยสารชาวจีนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เฉพาะไตรมาสที่ 3 ลดลงไปถึง 30% จากช่วง 9 เดือนแรกที่เติบโต 9% เนื่องจากปัจจัยในเรื่องของความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของไทย การตัดสินใจเดินทางช่วงหยุดยาว และไฟลต์บินตรงจากจีน และคาดว่าหลังจากที่รัฐบาลมีมาตรการฟรี visa on arrival ออกมา คาดว่าจะสามารถช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่อาจจะไม่มากนัก
เนื่องจากเป็นมาตรการระยะสั้นที่นักท่องเที่ยวและเอเย่นต์บางส่วนตัดสินใจไม่ทัน ถ้าหากปรับไปเป็น free visa ไปเลยน่าจะดึงดูดใจนักท่องเที่ยวมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม บางกอกแอร์เวย์สมี
ผู้โดยสารจากจีนในประเภท FIT มากกว่า ทำให้ผลกระทบไม่รุนแรงมากนัก” นายพุฒิพงศ์กล่าวและว่า
ขณะเดียวกัน ยังเตรียมปรับระบบการจองที่นั่ง จากระบบของ Sebra มาเป็นระบบของ Amadeus รวมทั้งเตรียมจะก้าวเข้าสู่ online travel agent มากขึ้น เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าจำนวนผู้โดยสารที่จองผ่านเว็บไซต์ลดลงจาก 20% เป็น 18% คาดว่าหลังจากลงตลาดออนไลน์น่าจะต้องปรับสัดส่วนจากที่ปกติขายผ่านเอเย่นต์ 42% ขายผ่านโค้ดแชร์ 26% ขายผ่านเว็บไซต์ 18% มาแบ่งให้กับช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น และเชื่อว่าช่องทางออนไลน์จะเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงและเข้าใจผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น
“ในวันที่ 25 ม.ค. 62 จะเปิดเส้นทางใหม่กรุงเทพฯ-ญาจัง แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของเวียดนาม 4 ไฟลต์ต่อสัปดาห์ และยังเตรียมเปิดเส้นทางเชียงใหม่-กระบี่ ในช่วงหน้าร้อนปีหน้า
วันละ 1 เที่ยวบินทุกวัน คาดว่าจะได้รับความนิยมเช่นเดียวกับเส้นทางเชียงใหม่-สมุย และเชียงใหม่-ภูเก็ต และเส้นทางกรุงเทพฯ-ดานัง (เวียดนาม) ก็มีแผนจะเพิ่มความถี่จาก 7 เที่ยวบินไปเป็น 11 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จากเดิมที่ได้เน้นการตลาดและเปิดเส้นทางบินไปยัง CLMV เพิ่มขึ้น โดยการทำงานร่วมกับเอเย่นต์ในตลาด จัดทำแพ็กเกจ และทำ code share ร่วมด้วย” นายพุฒิพงศ์กล่าว